xs
xsm
sm
md
lg

“มานิต” ไอเดียกระฉูดทำถุงยางสีละไซส์ ชี้ใช้งานสะดวก-คนแห่ใช้-ไกลเอดส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
“อภิสิทธิ์” รับเป็นพรีเซ็นเตอร์รักเดียวใจเดียว ป้องกันเอดส์ เป็นนายกฯคนแรกของโลก หลังปี 52 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 32 ราย ส่วนใหญ่เป็นชายรักชาย-แม่บ้าน “มานิต” ไอเดียกระฉูดทำถุงยางอนามัยสีละไซส์ 49 มม.สีชมพู 52 มม.สีม่วง หวังใช้งานได้สะดวกขึ้น ขณะที่ประธาน กพอ.เสนอรัฐทำโครงการถุงยางอนามัยแห่งชาติ แจกถุงยางอนามัย ถุงอนามัยสตรี เจลหล่อลื่น แผ่นเลีย ทุกกลุ่มเป้าหมาย จี้หน่วยงานราชการยกเลิกระเบียบไม่จ้างคนติดเชื้อทำงาน

วันที่ 25 พ.ย.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการจัดงานรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ว่า จากรายงานสถานการณ์เอดส์ทั่วโลกในปี 2551 พบอัตราการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ประมาณ 33 ล้านคน เสียชีวิต 2.1 ล้านคน คาดว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน พบมากในกลุ่มอายุ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 40 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด สำหรับในไทยในปี 2552 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,753 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 1.33 คน หรือวันละ 32 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์ชาย และกลุ่มแม่บ้าน จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์สะสมในรอบ 25 ปีตั้งแต่ พ.ศ.2527 รวม 1,127,168 ราย เสียชีวิต 631,510 ราย และมีชีวิตอยู่ 516,632 ราย

“ในปีนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกฯคนแรกในโลกที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเรื่องความซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง ซึ่งเป็นการป้องกันเอดส์ที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง เป็นต้นแบบของเยาวชนและประชาชนทั่วไป ในส่วนของผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจะเน้นให้เข้าถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และสามารถเข้าถึงบริการทางสังคมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80”นายมานิต กล่าว

นายมานิต กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2553 สธ.จัดทำแผนบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ โดยใช้มาตรการการสื่อสารสาธารณะ ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยสนับสนุนถุงยางอนามัยจำนวน 30 ล้านชิ้น และป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย แม่บ้าน วัยรุ่น ผู้ใช้แรงงานและพนักงานบริการ โดยเน้นการสร้างความรู้ ความตระหนัก ทักษะการป้องกัน และการประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สำหรับกลุ่มเยาวชนขยายเครือข่ายแกนนำด้านการป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษาจาก 35 จังหวัดเป็น 45 จังหวัด เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสคิดและดำเนินงานป้องกัน แก้ไขปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชนด้วยกัน

“ปัจจุบันกรมควบคุมโรคมีการแจกถุงยางอนามัยฟรีให้กับกลุ่มหญิงบริการปีละ 24 ล้านชิ้น ซึ่งผมอยากให้ถุงยางอนามัยที่นำไปแจกมีการทำเป็นสีมาตรฐาน เช่น หากเป็นไซส์ 49 มิลลิเมตร(มม.)เป็นสีชมพู ไซส์ 52 มม.เป็นสีม่วงเหมือนกันทั้งหมด เพื่อที่เวลาหยิบไปใช้งานจะได้เกิดความสะดวก คนใช้เคยหยิบสีไหนที่ถูกกับไซส์อวัยวะเพศตนเองก็หยิบสีนั้น เพราะเมื่อถึงเวลาต้องการมีเพศสัมพันธ์คงจะมานั่งอ่านไซส์อยู่ไม่ทัน” นายมานิต กล่าว

ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ.กล่าวว่า ปัจจุบัน การบริการยาต้านไวรัสเป็นสิทธิด้านการรักษาในกองทุนสุขภาพต่างๆ ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ รวมถึงโครงการพิเศษต่างๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับบริการด้านการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับบริการยาต้านไวรัสสะสมจากกองทุนสุขภาพต่าง ๆ จำนวน 218,459 ราย ผู้ป่วยที่รับประทานยาปัจจุบัน จำนวน 166,760 ราย ผู้ป่วยที่รับประทานยารายใหม่ 4,088 ราย

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปีนี้โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์วันเอดส์โลกว่า “ทั่วถึง เท่าเทียม คือสิทธิมนุษยชน (Universal Access and Human Rights)” เพื่อให้ทั่วโลกเห็นความจำเป็นในการปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งสธ.กำหนดจัดกิจกรรมรณรงค์พร้อมกันทั่วประเทศ ที่สำนักงานสาธารณสุขของแต่ละจังหวัด ในส่วนกรุงเทพฯ จัดที่บริเวณลานหน้าห้างโตคิว ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น.นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดทำโพลสำรวจขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมสำหรับชายไทย และขอเชิญมีส่วนร่วมได้ใน www.aidsthai.org

ด้านน.ส.สุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) กล่าวว่า รัฐต้องดำเนินการโครงการถุงยางอนามัยแห่งชาติเป็นมาตรการเร่งด่วน ด้วยการแจกถุงยางอนามัยให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่พุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มพนักงานบริการเท่านั้น อีกทั้งควรแจกถุงอนามัยสตรี เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้หญิงที่ต้องการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีแต่คู่สมรส คู่รัก หรือคู่นอนของตนเองไม่ยอมใช้ถุงยางอนามัย รวมถึงแจกเจลหล่อลื่นให้กับกลุ่มชายรักชาย และแผ่นเลียให้กับกลุ่มหญิงรักหญิง จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้สัมผัสสารคัดหลั่ง นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐควรยกเลิกระเบียบไม่รับคนติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ติดเชื้อและได้รับยาจนแข็งแรง ไม่เป็นผู้ป่วยเอดส์ได้ทำงาน และ สธ.ควรเปิดฮอตไลน์สายด่วน ให้คำปรึกษาด้านเอดส์กับประชาชน

“ในแผนเอดส์ชาติมีเป้าหมายที่จะลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งในปี 2554 รัฐจึงควรดำเนินการแจกถุงยางอนามัยให้ทั่วถึงและเพียงพอ เพราะปัจจุบันมีการตัดงบประมาณในส่วนนี้ลงทุกปีทำให้ถุงยางที่กรมควบคุมโรคแจกไม่เพียงพอ ซึ่งการลงทุนซื้อถุงยางอนามัยที่ถือเป็นการป้องกันโรคเพียงชิ้นละ 1.5 บาทคุ้มกว่าการเสียเงินรักษาพยาบาลหลังจากป่วยที่ต้องเสียเฉพาะค่ายาเดือนละกว่า 1.5 พันบาทต่อคนไม่ และควรมีการเปลี่ยนค่านิยมคนไทยใหม่ ให้เห็นว่าถุงยางอนามัยเป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพของประชาชน ช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ลดปัญหาการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการท้องที่ไม่พึงประสงค์ เหมือนการรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยป้องกันไข้หวัด” น.ส.สุภัทรา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น