กทม.เผยเตรียมผลักดันผู้ค้าหาบเร่พื้นที่สนามหลวง และโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ให้ออกพื้นที่เพื่อเตรียมจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา พร้อมเจรจาผู้ค้าหาที่ทำกินใหม่ และตั้งคณะทำงาน 9 ชุดหารือแผนแก้ปัญหาสนามหลวง ขณะที่รัฐบาลให้งบ 100 ล้านบาทมาพัฒนาแล้วคาดเสร็จในปี 2554
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมและปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑลว่า เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในพื้นที่ท้องสนามหลวง กทม.ปรับปรุงด้านกายภาพท้องสนามหลวง ซึ่งได้แบ่งแผนงานเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวนั้น ในระยะสั้นหรือแผนเร่งด่วนในเดือนธันวาคม กทม.จะร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการพัฒนาความสะอาดพื้นที่ เพื่อจัดพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553
รวมทั้งจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยโดยรอบพระบรมมหาราชวังไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าใดๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และเพื่อความสวยงามสมพระเกียรติ โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีการเจรจากับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ส่วนจะพิจารณาจัดหาสถานที่ค้าขายแห่งใหม่รองรับนั้นได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอยพิจารณาความเหมาะสม ส่วนแผนระยะยาวนั้นขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่สนามหลวงและบริเวณโดยรอบ คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาดำเนินการภายในเดือนธันวาคม 2553 และจะใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2554
นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญด้านสุขภาพของผู้ที่มาเร่ร่อนโดยจัดให้มีบริการตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ อีกทั้งให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อตามฤดูกาลแก่คนเร่ร่อน เช่น ไข้หวัด วัณโรค โรคเรื้อรังต่างๆ และโรคเอดส์ อีกทั้งเจาะเลือดค้นหาโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นประจำทุกเดือน
นอกจากนี้จะจัดทำบัตรประชาชนให้คนเร่ร่อนที่มีอยู่ประมาณ 300 คน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเข้าถึงสิทธิประกันด้านสุขภาพ ประกอบอาชีพ และบริการต่างๆ จากภาครัฐ ซึ่งร้อยละ 90 ของคนเร่ร่อนในพื้นที่สนามหลวงไม่ใช่คนไร้บ้าน สามารถสืบค้นประวัติ และภูมิลำเนาได้ เพื่อจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนได้
โดยสามารถติดต่อทำบัตรได้ที่ สำนักงานเขตพระนคร หรือบริเวณชั้น 1 อาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ส่วนคนเร่ร่อนอีกร้อยละ 10 ที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนหรือเป็นบุคคลไร้สถานะทางการทะเบียน จำเป็นต้องมีการพิสูจน์บุคคลตามขั้นตอน และขึ้นทะเบียนเป็นบุคคลไร้สถานะ จากนั้นจำเป็นต้องหาที่พักพิงโดยมีหน่วยงานภาครัฐหรือมูลนิธิเป็นผู้รับรองสถานะ จึงจะสามารถจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนได้
นายธีระชนกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑล รวม 9 คณะทำงาน ประกอบด้วย 1.ด้านการจัดให้มีบัตรประจำตัวประชาชน มีนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2.ด้านดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอย มีนายวัลลภ สุวรรณดี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 3.ด้านดูแลผู้เร่ร่อนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ มีเรืออากาศเอกพิทักษ์ ฐานบัญชา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
4.ด้านการแก้ปัญหานกพิราบ มีผู้แทนสมาคมพัฒนานกพิราบสื่อสารไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 5.ด้านการส่งเสริมอาชีพและเพิ่มรายได้ มีนายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะงาน 6.ด้านเฝ้าระวังผู้กระทำผิดคดีอาญา มี พ.ต.อ.สวัสดิ์ จำปาศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
7.ด้านดูแลครอบครัวเร่ร่อน เด็กเร่ร่อน คนไร้บ้าน มีนายมนู สิทธิประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 8.ด้านกายภาพ มีนางบุญญวัฒน์ ทิพทัส ประธานอนุกรรมการกลั่นกรองและพิจารณาแผนการดำเนินงานในกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และ 9.การประชาสัมพันธ์ มีนายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมและปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑลว่า เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในพื้นที่ท้องสนามหลวง กทม.ปรับปรุงด้านกายภาพท้องสนามหลวง ซึ่งได้แบ่งแผนงานเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวนั้น ในระยะสั้นหรือแผนเร่งด่วนในเดือนธันวาคม กทม.จะร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการพัฒนาความสะอาดพื้นที่ เพื่อจัดพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553
รวมทั้งจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยโดยรอบพระบรมมหาราชวังไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าใดๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และเพื่อความสวยงามสมพระเกียรติ โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีการเจรจากับผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ส่วนจะพิจารณาจัดหาสถานที่ค้าขายแห่งใหม่รองรับนั้นได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอยพิจารณาความเหมาะสม ส่วนแผนระยะยาวนั้นขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่สนามหลวงและบริเวณโดยรอบ คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาดำเนินการภายในเดือนธันวาคม 2553 และจะใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2554
นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญด้านสุขภาพของผู้ที่มาเร่ร่อนโดยจัดให้มีบริการตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ อีกทั้งให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อตามฤดูกาลแก่คนเร่ร่อน เช่น ไข้หวัด วัณโรค โรคเรื้อรังต่างๆ และโรคเอดส์ อีกทั้งเจาะเลือดค้นหาโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเป็นประจำทุกเดือน
นอกจากนี้จะจัดทำบัตรประชาชนให้คนเร่ร่อนที่มีอยู่ประมาณ 300 คน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเข้าถึงสิทธิประกันด้านสุขภาพ ประกอบอาชีพ และบริการต่างๆ จากภาครัฐ ซึ่งร้อยละ 90 ของคนเร่ร่อนในพื้นที่สนามหลวงไม่ใช่คนไร้บ้าน สามารถสืบค้นประวัติ และภูมิลำเนาได้ เพื่อจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนได้
โดยสามารถติดต่อทำบัตรได้ที่ สำนักงานเขตพระนคร หรือบริเวณชั้น 1 อาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ส่วนคนเร่ร่อนอีกร้อยละ 10 ที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนหรือเป็นบุคคลไร้สถานะทางการทะเบียน จำเป็นต้องมีการพิสูจน์บุคคลตามขั้นตอน และขึ้นทะเบียนเป็นบุคคลไร้สถานะ จากนั้นจำเป็นต้องหาที่พักพิงโดยมีหน่วยงานภาครัฐหรือมูลนิธิเป็นผู้รับรองสถานะ จึงจะสามารถจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนได้
นายธีระชนกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑล รวม 9 คณะทำงาน ประกอบด้วย 1.ด้านการจัดให้มีบัตรประจำตัวประชาชน มีนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2.ด้านดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอย มีนายวัลลภ สุวรรณดี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 3.ด้านดูแลผู้เร่ร่อนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ มีเรืออากาศเอกพิทักษ์ ฐานบัญชา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
4.ด้านการแก้ปัญหานกพิราบ มีผู้แทนสมาคมพัฒนานกพิราบสื่อสารไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 5.ด้านการส่งเสริมอาชีพและเพิ่มรายได้ มีนายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะงาน 6.ด้านเฝ้าระวังผู้กระทำผิดคดีอาญา มี พ.ต.อ.สวัสดิ์ จำปาศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
7.ด้านดูแลครอบครัวเร่ร่อน เด็กเร่ร่อน คนไร้บ้าน มีนายมนู สิทธิประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 8.ด้านกายภาพ มีนางบุญญวัฒน์ ทิพทัส ประธานอนุกรรมการกลั่นกรองและพิจารณาแผนการดำเนินงานในกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และ 9.การประชาสัมพันธ์ มีนายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน