อ.ก.พ.กระทรวงแรงงาน มีมติปลดออก นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ ตามคำตัดสินของ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตโครงการเช่า-จัดหา และดำเนินการระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 2,800 ล้านบาท
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวหลังประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ อ.ก.พ.กระทรวงแรงงาน เพื่อพิจารณากรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยและอาญานายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในคดีทุจริตโครงการเช่า-จัดหา และดำเนินการระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 2,800 ล้านบาท ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปลดออกนายไพโรจน์ ซึ่งปัจจุบันเกษียณราชการไปแล้ว โดยทำให้ นายไพโรจน์ ยังคงได้รับบำเหน็จบำนาญตามเดิม และเหตุผลที่ให้ปลดออก เนื่องจากพิจารณาคำตัดสินของ ป.ป.ช.แล้วเห็นว่าเป็นความผิดวินัย ที่ไม่ใช่เกิดจากการทุจริต แต่เกิดจากการเร่งรีบดำเนินการ จึงทำให้เกิดความบกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ภายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดในคดีอาญา เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะต้องไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายไพโรจน์ ในความผิดอาญา ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดวินัยร้ายแรงตามคำวินิจฉัยของอนุกรรมการ ป.ป.ช.โดยไม่สามารถสาวไปถึงนักการเมืองหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวหลังประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ อ.ก.พ.กระทรวงแรงงาน เพื่อพิจารณากรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยและอาญานายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในคดีทุจริตโครงการเช่า-จัดหา และดำเนินการระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 2,800 ล้านบาท ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปลดออกนายไพโรจน์ ซึ่งปัจจุบันเกษียณราชการไปแล้ว โดยทำให้ นายไพโรจน์ ยังคงได้รับบำเหน็จบำนาญตามเดิม และเหตุผลที่ให้ปลดออก เนื่องจากพิจารณาคำตัดสินของ ป.ป.ช.แล้วเห็นว่าเป็นความผิดวินัย ที่ไม่ใช่เกิดจากการทุจริต แต่เกิดจากการเร่งรีบดำเนินการ จึงทำให้เกิดความบกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ภายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดในคดีอาญา เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะต้องไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายไพโรจน์ ในความผิดอาญา ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดวินัยร้ายแรงตามคำวินิจฉัยของอนุกรรมการ ป.ป.ช.โดยไม่สามารถสาวไปถึงนักการเมืองหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้