เผยผู้สัมผัสใกล้ชิดแรงงานชายเสียชีวิตโรคไข้กาฬหลังแอ่น หลังกลับจากแอฟริกาใต้ได้รับยาปฏิชีวนะกลับบ้านแล้วทุกราย ไม่พบอาการผิดปกติ ยืนยันไทยยังไม่มีการระบาดโรคไข้กาฬหลังแอ่น
วันนี้ (20 ก.ย.) นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้บุคคลใกล้ชิดที่สัมผัสกับชาย วัย 24 ปี แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศแอฟริกาใต้ ที่เสียชีวิตจากโรคไข้กาฬหลังแอ่น จำนวน 5 คน ได้ให้ยาปฏิชีวนะและกลับบ้านแล้วทุกราย ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร ประมาณ 30 คน ที่ต้องเฝ้าดูอาการได้รับยาปฏิชีวนะแล้วเช่นกัน ขณะนี้ยังไม่พบผู้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
ขณะที่ผู้ที่นั่งใกล้ผู้เสียชีวิตทั้งแถวหน้าและหลัง 17 คน บนเครื่องบิน อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังโดยหน่วยสอบสวนโรคของหน่วยเคลื่อนที่เร็วของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร โดยต้องเฝ้าระวังติดตามอาการ 3- 5 วัน และจากการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้นั้น ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
“ตัวอย่างเลือดและเสมหะของผู้เสียชีวิตที่ส่งตรวจเพาะเชื้อแบคทีเรียที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อตรวจหาว่าเป็นไข้กาฬหลังแอ่นสายพันธุ์ใด คาดว่าจะทราบผลในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า สายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้กับสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยมีความแตกต่างกันอย่างไรหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อาการของผู้เสียชีวิตค่อนข้างรุนแรงและเร็วมาก”นพ.มล.สมชาย กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคไข้กาฬหลังแอ่นถือเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรง แต่สามารถรักษาและป้องกันได้ ในประเทศยังไม่มีการระบาดโดยในปี 2552 พบผู้ป่วย 34 ราย ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อจากในพื้นที่ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภาค อย่างไรก็ตาม เชื้อนี้สามารถตรวจพบในโพรงจมูก คอ ของคนปกติ โดยที่ไม่เกิดโรคหรือแสดงอาการ แต่หากร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำก็อาจทำให้เป็นโรคนี้ได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังพบว่า เชื้อโรคมีหลายสายพันธุ์ ที่พบบ่อยในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ บี ส่วนใหญ่ปรากฏอาการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง ส่วนการติดเชื้อในกระแสเลือดพบน้อยกว่าแต่มีอาการรุนแรงมากและเสียชีวิตได้
“หากจะเดินทางไปที่ประเทศที่มีรายงานการระบาดโรคไข้กาฬหลังแอ่น ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค ก่อนเดินทาง 2 สัปดาห์ แม้ว่าจะไม่มีข้อบังคับก็ตาม แต่วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ทุกสายพันธุ์ ฉะนั้น วิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ” นพ.โอภาส กล่าว
