xs
xsm
sm
md
lg

วิจัยพบผงไหมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคผิวหนัง ต้านอักเสบ-อนุมูลอิสระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทีมนักวิจัยพบผงไหมมีสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ เผย เบื้องต้นได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น สบู่ไหม ลิปไหม และเจลล้างหน้าไหม พร้อมต่อยอดพัฒนาเป็นยา คาดประมาณปลายปี 2553 จะสรุปผลการวิจัยได้

นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ใยไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ปัจจุบันมีการ พัฒนาโดยนำเส้นไหม รังไหม และเศษเหลือใช้จากเส้นไหมมาแปรรูปเป็นผงไหม ผงไหมมีส่วนประกอบของโปรตีน 2 ชนิด คือ ซิริซิน (Sericin) ซึ่งอยู่ชั้นนอกของเส้นไหม และไฟโบรอิน (Fibroin) ที่อยู่ภายในเส้นใยไหม ผงไหมไทยมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวพรรณ ดูดความชื้นและเก็บน้ำได้ดี มีกรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด ช่วยเพิ่มสารอาหารให้เซลล์ ที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญทำให้ผิวพรรณคงความเต่งตึง มีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น

นอกจากนี้ ผงไหมยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ใช้เป็นเครื่องสำอาง เป็นอาหารเสริม เครื่องดื่มหรือทำเป็นวัสดุทางการแพทย์สำหรับรักษาแผล ทางการเกษตร ใช้ทำวัสดุคลุมแปลงพืชป้องกันวัชพืชที่มีคุณสมบัติสลายได้ และใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ เป็นต้น

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อว่า ทีมนักวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สถาบันหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยและพัฒนาผงไหม เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ พบว่า ผงไหมมีสรรพคุณทางยา คือ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในเบื้องต้นได้พัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น สบู่ไหมและเจลล้างหน้าไหมมีคุณสมบัติช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ และช่วยยืดอายุของเซลล์ปกติ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิวหนัง และลิปสติกไหมช่วยรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก ปกป้องริมฝีปากจากความแห้งกร้าน

นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยกำลังศึกษาเร่งศึกษาวิจัยในด้านการพัฒนาผงไหม เป็นผลิตภัณฑ์ ทางยา คาดว่าประมาณปลายปี 2553 จะสามารถสรุปผลการวิจัยได้
กำลังโหลดความคิดเห็น