“กษมา” เผยเด็กประถม-ม.ต้น ออกกลางคันเพิ่มขึ้น ชี้สาเหตุจากย้ายตามผู้ปกครอง การปรับตัว ผลการเรียนต่ำ สั่ง ร.ร.ยืดหยุ่นเปิดรับเด็กได้ตลอด รับเน้นเรียนในห้องมากเกินไปทำเด็กเบื่อ แนะครูสอนแตกต่าง ตระหนักความสามารถเด็ก เสนอ ร.ร.เปิดสอนวิชาที่หลากหลาย ช่วยเด็กเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มของเด็กที่ออกกลางคันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่เฝ้าดูมาหลายปี โดยสามารถแยกสาเหตุได้ว่าถ้าเป็นเด็กในระดับประถมศึกษาส่วนใหญ่จะมีปัญหามาจากการย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง ซึ่ง สพฐ.เองได้มีความพยายามที่จะแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ โดยจะพยายามให้โรงเรียนมีความยืดหยุ่นสามารถเปิดรับเด็กที่มีการย้ายถิ่นตลอดได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปัญหาการออกกลางคันของเด็กในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่หลายฝ่ายต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา เพราะส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัว รวมถึงผลการเรียนที่ต่ำ ซึ่งมักจะพบในเด็กนักเรียนชายสูงกว่านักเรียนหญิง ทั้งนี้เนื่องจากการศึกษาในปัจจุบันเน้นการเรียนในห้องเรียนซึ่งอาจทำให้เด็กเบื่อหน่าย จนกระทั่งเด็กหนีเรียนในที่สุด
“สิ่งที่พบคือจะมีเด็กที่จบไม่พร้อมรุ่น เพราะเรียนไม่ผ่านในบางวิชาแต่ทางเราก็ไม่ได้ให้เด็กซ้ำชั้น จึงทำให้เด็กสะสมรายวิชาที่ไม่ผ่านเอาไว้ และสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำให้ได้ก็คือระบบดูแลการช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังว่าเด็กคนใดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มใดที่เริ่มมีปัญหาในการเรียนแม้ว่าจะยังไม่มากแต่ก็ต้องมีการพบกับผู้ปกครอง และต้องมีการสอนเสริมเป็นพิเศษ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสม เช่น เด็กนักเรียนชายก็ควรจะให้ทำโครงงานหรือฝึกปฏิบัติก็จะทำให้เด็กเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการเรียนมากขึ้น ส่วนเด็กที่ยากจนก็จะต้องมีการจัดทุนการศึกษาเพิ่มเติมซึ่งจะเสริมนอกจากการอุดหนุนรายหัวซึ่งจะทำให้ลดภาระให้กับเด็กอีกทางหนึ่ง” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
คุณหญิงกษมากล่าวด้วยว่า ครูเองก็จะต้องตระหนักว่าเด็กแต่ละคนมีขีดความสามารถไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องกำหนดวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเห็นว่าในสมัยก่อนจำนวนเด็กที่เรียนต่อนั้นมีน้อยจึงทำให้เด็กที่เรียนต่อมีแต่คนที่ตั้งใจเรียนและทำให้ง่ายต่อการสอนของครู แต่หากครูใช้วิธีการสอนเหมือนในอดีตก็จะไม่ประสบความสำเร็จ โดยบางโรงเรียนอาจจะแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่ม อาทิ เด็กที่เรียนอ่อนก็อาจจะมีการสอนเสริม หรืออาจมีการเปิดสาขาวิชาที่แตกต่างออกไปเพื่อรองรับเด็กที่มีความสามารถในแต่ละด้าน ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและประสบความสำเร็จได้ซึ่งเชื่อว่าจะแบ่งเบาปัญหาเด็กออกกลางคันได้
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มของเด็กที่ออกกลางคันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่เฝ้าดูมาหลายปี โดยสามารถแยกสาเหตุได้ว่าถ้าเป็นเด็กในระดับประถมศึกษาส่วนใหญ่จะมีปัญหามาจากการย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง ซึ่ง สพฐ.เองได้มีความพยายามที่จะแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ โดยจะพยายามให้โรงเรียนมีความยืดหยุ่นสามารถเปิดรับเด็กที่มีการย้ายถิ่นตลอดได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปัญหาการออกกลางคันของเด็กในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่หลายฝ่ายต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา เพราะส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัว รวมถึงผลการเรียนที่ต่ำ ซึ่งมักจะพบในเด็กนักเรียนชายสูงกว่านักเรียนหญิง ทั้งนี้เนื่องจากการศึกษาในปัจจุบันเน้นการเรียนในห้องเรียนซึ่งอาจทำให้เด็กเบื่อหน่าย จนกระทั่งเด็กหนีเรียนในที่สุด
“สิ่งที่พบคือจะมีเด็กที่จบไม่พร้อมรุ่น เพราะเรียนไม่ผ่านในบางวิชาแต่ทางเราก็ไม่ได้ให้เด็กซ้ำชั้น จึงทำให้เด็กสะสมรายวิชาที่ไม่ผ่านเอาไว้ และสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำให้ได้ก็คือระบบดูแลการช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังว่าเด็กคนใดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มใดที่เริ่มมีปัญหาในการเรียนแม้ว่าจะยังไม่มากแต่ก็ต้องมีการพบกับผู้ปกครอง และต้องมีการสอนเสริมเป็นพิเศษ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสม เช่น เด็กนักเรียนชายก็ควรจะให้ทำโครงงานหรือฝึกปฏิบัติก็จะทำให้เด็กเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการเรียนมากขึ้น ส่วนเด็กที่ยากจนก็จะต้องมีการจัดทุนการศึกษาเพิ่มเติมซึ่งจะเสริมนอกจากการอุดหนุนรายหัวซึ่งจะทำให้ลดภาระให้กับเด็กอีกทางหนึ่ง” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
คุณหญิงกษมากล่าวด้วยว่า ครูเองก็จะต้องตระหนักว่าเด็กแต่ละคนมีขีดความสามารถไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องกำหนดวิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเห็นว่าในสมัยก่อนจำนวนเด็กที่เรียนต่อนั้นมีน้อยจึงทำให้เด็กที่เรียนต่อมีแต่คนที่ตั้งใจเรียนและทำให้ง่ายต่อการสอนของครู แต่หากครูใช้วิธีการสอนเหมือนในอดีตก็จะไม่ประสบความสำเร็จ โดยบางโรงเรียนอาจจะแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่ม อาทิ เด็กที่เรียนอ่อนก็อาจจะมีการสอนเสริม หรืออาจมีการเปิดสาขาวิชาที่แตกต่างออกไปเพื่อรองรับเด็กที่มีความสามารถในแต่ละด้าน ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและประสบความสำเร็จได้ซึ่งเชื่อว่าจะแบ่งเบาปัญหาเด็กออกกลางคันได้
