“ศ.นพ.เกษม” องคมนตรี แนะประเทศไทยเตรียมพร้อมมาตรการเชิงรุกรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม สุขภาพ โดยเฉพาะโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนจากสังคมวัยทำงานเป็นผู้สูงอายุในอีก 16 ปีข้างหน้า แนะให้นำ “ธรรมนิยม-ความพอเพียง-สาธารณนิยม-ไทยนิยม” กลับมา เพราะช่วยกู้วิกฤตของประเทศ
ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ผลกระทบต่อโลกและสุขภาพในปัจจุบัน” เนื่องในงานมอบรางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นและนักเวชศาสตร์ป้องกันดีเด่น ในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทุกประเทศ ถ้าตั้งรับเฉยๆ จะรับผลกระทบเต็มที่ ฉะนั้นจะต้องมีมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าติดตามและไม่ประมาท โดยแนวโน้มโลก จากเดิมเป็น 2 ขั้วชัดเจน คือ อเมริกา กับโซเวียต เปลี่ยนแปลงเป็นหลายขั้ว ทั้งอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และที่หน้าจับตามองคือ BRIC ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งประเทศทั้ง 4 นี้ เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมมาก และมีข้อมูลว่าประเทศจีน อเมริกา มีการจดสิทธิบัตรใหม่ๆ เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยยังน้อยอยู่ ส่วนด้านสุขภาพก็มีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยเศรษฐกิจและสังคม มีโลกที่เกิดจากภาวะโลกร้อน การติดเชื้อไวรัส อุบัติเหตุ อุบัติภัย ความสำส่อนทางเพศ โรคอ้วน เป็นต้น
ศ.นพ.เกษม กล่าวอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายด้าน ที่เด่นชัดคือโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป จากสังคมวัยทำงานเป็นสังคมผู้สูงอายุ และในปี 2568 ประเทศไทยก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มที่ หากไม่ตั้งรับจะกระทบกระเทือนมาก เพราะวิกฤตของประเทศไทยเกิดจากปัญหาสังคมมากที่สุด ขณะนี้พบแล้ว 4 ด้าน คือ ธรรมนิยมกลายเป็นธนนิยม ความพอเพียงกลายเป็นบริโภคนิยม สาธารณนิยมกลายเป็นอัตนิยม และไทยนิยมกลายเป็นเทศนิยม ซึ่งต้องเร่งกลับด้านเหล่านี้ให้กลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ต้นทุนในสังคมไทยยังมีอยู่ในหลายด้าน เช่น ครอบครัว สร้างความอบอุ่นให้มากขึ้นอย่าต่างคนต่างอยู่ ในชุมชนก็ทำชุมชนให้เข้มแข็ง สร้างสามัคคี และศาสนา ให้ยึดมั่นในสถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพ ดังนั้น ขอฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้จัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและประเทศให้ทันโลก โดยอาศัยความเชื่อมั่นในต้นทุนที่มีอยู่
“เมื่อดูแนวทางประชาธิปไตยในบ้านเรา ตั้งแต่ปี 2475 ที่ได้รัฐธรรมนูญ ดูเหมือนว่าจะใช้ได้ดีพอสมควร มีทั้งล้มทั้งลุก แต่จนถึงขณะนี้ดูเหมือนจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องทบทวนใหม่ ยึดเอาภราดรภาพหรือความเป็นพี่น้องเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาพรรคพวกเหมือนที่ผ่านมา” ศ.นพ.เกษม กล่าว
ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ผลกระทบต่อโลกและสุขภาพในปัจจุบัน” เนื่องในงานมอบรางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นและนักเวชศาสตร์ป้องกันดีเด่น ในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทุกประเทศ ถ้าตั้งรับเฉยๆ จะรับผลกระทบเต็มที่ ฉะนั้นจะต้องมีมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าติดตามและไม่ประมาท โดยแนวโน้มโลก จากเดิมเป็น 2 ขั้วชัดเจน คือ อเมริกา กับโซเวียต เปลี่ยนแปลงเป็นหลายขั้ว ทั้งอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และที่หน้าจับตามองคือ BRIC ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งประเทศทั้ง 4 นี้ เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมมาก และมีข้อมูลว่าประเทศจีน อเมริกา มีการจดสิทธิบัตรใหม่ๆ เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยยังน้อยอยู่ ส่วนด้านสุขภาพก็มีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยเศรษฐกิจและสังคม มีโลกที่เกิดจากภาวะโลกร้อน การติดเชื้อไวรัส อุบัติเหตุ อุบัติภัย ความสำส่อนทางเพศ โรคอ้วน เป็นต้น
ศ.นพ.เกษม กล่าวอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายด้าน ที่เด่นชัดคือโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป จากสังคมวัยทำงานเป็นสังคมผู้สูงอายุ และในปี 2568 ประเทศไทยก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มที่ หากไม่ตั้งรับจะกระทบกระเทือนมาก เพราะวิกฤตของประเทศไทยเกิดจากปัญหาสังคมมากที่สุด ขณะนี้พบแล้ว 4 ด้าน คือ ธรรมนิยมกลายเป็นธนนิยม ความพอเพียงกลายเป็นบริโภคนิยม สาธารณนิยมกลายเป็นอัตนิยม และไทยนิยมกลายเป็นเทศนิยม ซึ่งต้องเร่งกลับด้านเหล่านี้ให้กลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ต้นทุนในสังคมไทยยังมีอยู่ในหลายด้าน เช่น ครอบครัว สร้างความอบอุ่นให้มากขึ้นอย่าต่างคนต่างอยู่ ในชุมชนก็ทำชุมชนให้เข้มแข็ง สร้างสามัคคี และศาสนา ให้ยึดมั่นในสถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพ ดังนั้น ขอฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้จัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและประเทศให้ทันโลก โดยอาศัยความเชื่อมั่นในต้นทุนที่มีอยู่
“เมื่อดูแนวทางประชาธิปไตยในบ้านเรา ตั้งแต่ปี 2475 ที่ได้รัฐธรรมนูญ ดูเหมือนว่าจะใช้ได้ดีพอสมควร มีทั้งล้มทั้งลุก แต่จนถึงขณะนี้ดูเหมือนจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องทบทวนใหม่ ยึดเอาภราดรภาพหรือความเป็นพี่น้องเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาพรรคพวกเหมือนที่ผ่านมา” ศ.นพ.เกษม กล่าว
