“จุรินทร์” ชูการศึกษาตามอัธยาศัยหัวใจสำคัญสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต เร่ง กศน.ระดมสมอง จัดทำมาตรฐานการศึกษานอกระบบ วัดผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน เผยกำลังดูรายละเอียดยกระดับ กศน.เป็นสำนักส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ระบุอาจไม่ถึงขั้นตั้งเป็นองค์กรหลักของ ศธ.
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในการเปิดเสวนาวิชาการเรื่อง “การสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง” จัดโดยสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ว่า ตนอยากเห็น กศน.ได้ระดมสมองเพื่อต่อยอดการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ให้ตรงตามเป้าหมาย คือ ต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น กศน.จะต้องไปหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยหัวใจสำคัญมีอยู่ 3 ส่วน คือ 1.การศึกษาในระบบ 2.การศึกษานอกระบบ ซึ่ง กศน.รับผิดชอบเป็นหลัก ทั้งยังมีองค์กรอื่น เช่น วิทยาลัยชุมชน สอนส่งเสริมอาชีพ เพื่อเก็บตกผู้ที่ไม่จบการศึกษาภาคบังคับ ให้สามารถเรียนจบได้ และส่วนที่ 3.สิ่งสำคัญคือการศึกษาตามอัธยาศัย ได้แก่ การหาแหล่งความรู้ทางอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลทางพิพิธภัณฑ์ อุทยานการเรียนรู้ต่างๆ เป็นการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งในอีก 10 ปีต่อจากนี้ไปการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน กศน.จะต้องไปจัดทำกรอบมาตรฐานสำหรับการศึกษานอกระบบขึ้น โดยสำนักงาน กศน.ต้องตั้งคณะทำงาน โดยการระดมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ในการจัดทำกรอบคุณภาพมาตรฐานของ กศน.นั้น จะประกอบด้วยอะไรบ้าง รวมถึงผลสัมฤทธิ์ที่จะชี้วัดในรูปแบบใด เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพสำหรับผู้เรียน และจะทำอย่างไรให้คนไทยได้มีการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างมีคุณภาพและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
“ศธ.ได้ร่วมกับ กศน.ในการเตรียมโครงการเพื่อการศึกษาตามอัธยาศัยไว้หลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมการอ่านตลอดชีวิต การจัดโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ซึ่งจะทำให้คนไทยได้เข้าถึงผ่านช่องฟรีทีวี โดยใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จะยกระดับของ กศน.เป็น สำนักงานส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ที่จะยกขึ้นเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง โดยจะไม่ขึ้นอยู่กับสำนักงานปลัด ศธ.แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สำนักงาน กศน.จะต้องไปศึกษารายละเอียด พร้อมจัดทำข้อมูลต่างๆ เสนอมายังตน เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวเป็นองค์กรหนึ่งที่ระบุไว้ในแผนปฎิรูปการศึกษารอบ 2 อย่างชัดเจน สำหรับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้น กศน.จะต้องไปดูว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และคิดว่าคงจะไม่ยกระดับขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งในองค์กรหลักของ ศธ.แต่อาจจะเป็นรูปแบบอื่นที่เหมาะสมมากกว่า” รมว.ศธ.กล่าว
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในการเปิดเสวนาวิชาการเรื่อง “การสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง” จัดโดยสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ว่า ตนอยากเห็น กศน.ได้ระดมสมองเพื่อต่อยอดการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ให้ตรงตามเป้าหมาย คือ ต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น กศน.จะต้องไปหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยหัวใจสำคัญมีอยู่ 3 ส่วน คือ 1.การศึกษาในระบบ 2.การศึกษานอกระบบ ซึ่ง กศน.รับผิดชอบเป็นหลัก ทั้งยังมีองค์กรอื่น เช่น วิทยาลัยชุมชน สอนส่งเสริมอาชีพ เพื่อเก็บตกผู้ที่ไม่จบการศึกษาภาคบังคับ ให้สามารถเรียนจบได้ และส่วนที่ 3.สิ่งสำคัญคือการศึกษาตามอัธยาศัย ได้แก่ การหาแหล่งความรู้ทางอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลทางพิพิธภัณฑ์ อุทยานการเรียนรู้ต่างๆ เป็นการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งในอีก 10 ปีต่อจากนี้ไปการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน กศน.จะต้องไปจัดทำกรอบมาตรฐานสำหรับการศึกษานอกระบบขึ้น โดยสำนักงาน กศน.ต้องตั้งคณะทำงาน โดยการระดมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ในการจัดทำกรอบคุณภาพมาตรฐานของ กศน.นั้น จะประกอบด้วยอะไรบ้าง รวมถึงผลสัมฤทธิ์ที่จะชี้วัดในรูปแบบใด เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพสำหรับผู้เรียน และจะทำอย่างไรให้คนไทยได้มีการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างมีคุณภาพและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
“ศธ.ได้ร่วมกับ กศน.ในการเตรียมโครงการเพื่อการศึกษาตามอัธยาศัยไว้หลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมการอ่านตลอดชีวิต การจัดโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ซึ่งจะทำให้คนไทยได้เข้าถึงผ่านช่องฟรีทีวี โดยใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จะยกระดับของ กศน.เป็น สำนักงานส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ที่จะยกขึ้นเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง โดยจะไม่ขึ้นอยู่กับสำนักงานปลัด ศธ.แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สำนักงาน กศน.จะต้องไปศึกษารายละเอียด พร้อมจัดทำข้อมูลต่างๆ เสนอมายังตน เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวเป็นองค์กรหนึ่งที่ระบุไว้ในแผนปฎิรูปการศึกษารอบ 2 อย่างชัดเจน สำหรับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้น กศน.จะต้องไปดูว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และคิดว่าคงจะไม่ยกระดับขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งในองค์กรหลักของ ศธ.แต่อาจจะเป็นรูปแบบอื่นที่เหมาะสมมากกว่า” รมว.ศธ.กล่าว
