สภาที่ปรึกษาฯ จัดสัมมนาหวัดใหญ่ 2009 ระบุนักเรียน นักศึกษาอยู่ในกลุ่มแพร่ระบาดโรคมากที่สุดร้อยละ 52.1 ย้ำคนไทยยังต้องป้องกันตัวเองต่อไปอีก เผยมีแนวโน้วตายด้วยหวัด 2009 กว่าพันคน
ในการสัมมนา “ประชาชนกับการเผชิญโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 H1 N1” ที่คณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมสัมมนา อาทิ เครือข่ายผู้บริโภค กลุ่มองค์กรประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังเพื่อให้ได้เข้าใจให้เกิดความเข้าใจถึงสาเหตุแนวทางป้องกันโรค นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับ 10 ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กล่าวเน้นถึงการกระจายตัวการแพร่ระบาดของโรคว่า ตั้งแต่เดือนพฤษาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมนี้ โรคนี้ได้แพร่ไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งเหมือนกันทั่วโลก ไม่มีใครหยุดการระบาดได้ นอกจากชะลอให้ระบาดช้าลง ส่วนจำนวนผู้ป่วย นักเรียน นักศึกษา มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.1 รองลงมาคือ ผู้ใช้แรงงานร้อยละ 4.2 ข้าราชการและคนทำงานที่ยังมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 นอกจากนั้นก็กระจายตัวในกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น
“แนวโน้มจะเป็นลักษณะที่เพิ่มขึ้นแบบภูเขา ภาพรวมของประเทศยังสูงอยู่ อีสานขาขึ้น ขณะที่ใน กทม.จะเริ่มสูงจนถึงปลายปีนี้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีแนวทางควบคุมที่ดีคาดว่าจะมีผู้ที่มีอาการและไม่มีอาการถึง 30 ล้านคน ตลอดช่วงของการแพร่เชื้อ แนวโน้มอาจจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตแนวโน้มถึง 1,200 คน โดยคิดจากฐานไข้หวัดใหญ่ฯ ตามฤดูกาล ตามปกติ” นพ.ศุภมิตร กล่าว
ด้านนางพิมพา แดงเรือง อาสาสมัครสาธารณสุข ในชุมชนสุเหร่าเพชรบุรี 7 ผู้ที่เคยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากการลงพื้นที่เคาะประตูบ้านเยี่ยมผู้ป่วย กล่าวว่า แม้รู้วิธีป้องกัน แต่ก็ประมาท ไม่คาดหน้ากากอนามัย ทำให้ติดเชื้อจากผู้ป่วยทันทีในวันนั้น เนื่องจากมีอาการหืดหอบอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้ขอสนับสนุน หน้ากากอนามัยจากโรงพยาบาลรามาธิบดี นำแจกให้กับชาวชุมชน และออกหอกระจายข่าวหมู่บ้านทุกเช้าเย็นไม่ประมาทกับการติดต่อกันง่ายมาก เพราะชุมชนอยู่กันค่อนข้างแออัด และอยากให้หน่วยงานที่สนับสนุน อุปกรณ์ หน้ากาก และให้งบฯ ประมาณความรู้ชาวบ้าน ให้ใกล้ชิดมากขึ้น
ในการสัมมนา “ประชาชนกับการเผชิญโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 H1 N1” ที่คณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมสัมมนา อาทิ เครือข่ายผู้บริโภค กลุ่มองค์กรประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังเพื่อให้ได้เข้าใจให้เกิดความเข้าใจถึงสาเหตุแนวทางป้องกันโรค นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับ 10 ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กล่าวเน้นถึงการกระจายตัวการแพร่ระบาดของโรคว่า ตั้งแต่เดือนพฤษาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมนี้ โรคนี้ได้แพร่ไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งเหมือนกันทั่วโลก ไม่มีใครหยุดการระบาดได้ นอกจากชะลอให้ระบาดช้าลง ส่วนจำนวนผู้ป่วย นักเรียน นักศึกษา มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.1 รองลงมาคือ ผู้ใช้แรงงานร้อยละ 4.2 ข้าราชการและคนทำงานที่ยังมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 นอกจากนั้นก็กระจายตัวในกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น
“แนวโน้มจะเป็นลักษณะที่เพิ่มขึ้นแบบภูเขา ภาพรวมของประเทศยังสูงอยู่ อีสานขาขึ้น ขณะที่ใน กทม.จะเริ่มสูงจนถึงปลายปีนี้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีแนวทางควบคุมที่ดีคาดว่าจะมีผู้ที่มีอาการและไม่มีอาการถึง 30 ล้านคน ตลอดช่วงของการแพร่เชื้อ แนวโน้มอาจจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตแนวโน้มถึง 1,200 คน โดยคิดจากฐานไข้หวัดใหญ่ฯ ตามฤดูกาล ตามปกติ” นพ.ศุภมิตร กล่าว
ด้านนางพิมพา แดงเรือง อาสาสมัครสาธารณสุข ในชุมชนสุเหร่าเพชรบุรี 7 ผู้ที่เคยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากการลงพื้นที่เคาะประตูบ้านเยี่ยมผู้ป่วย กล่าวว่า แม้รู้วิธีป้องกัน แต่ก็ประมาท ไม่คาดหน้ากากอนามัย ทำให้ติดเชื้อจากผู้ป่วยทันทีในวันนั้น เนื่องจากมีอาการหืดหอบอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้ขอสนับสนุน หน้ากากอนามัยจากโรงพยาบาลรามาธิบดี นำแจกให้กับชาวชุมชน และออกหอกระจายข่าวหมู่บ้านทุกเช้าเย็นไม่ประมาทกับการติดต่อกันง่ายมาก เพราะชุมชนอยู่กันค่อนข้างแออัด และอยากให้หน่วยงานที่สนับสนุน อุปกรณ์ หน้ากาก และให้งบฯ ประมาณความรู้ชาวบ้าน ให้ใกล้ชิดมากขึ้น
