นายกรัฐมนตรี เผย จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 มีแนวโน้มลดลง องค์การอนามัยโลก ยอมรับเป็นโรคประจำถิ่น จึงไม่ต้องมีการรายงานตัวเลขอีก แนะประชาชนดูแลตัวเองเพราะโรคนี้จะอยู่ไปอีกอย่างน้อยถึงปีหน้า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหาการแพร่ระบาดไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า จนถึงวันนี้โรคดังกล่าวได้ระบาดในประเทศต่างๆ มากกว่า 130 ประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ยอมรับให้เป็นโรคประจำถิ่นของแต่ละประเทศเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีการรายงานตัวเลขให้องค์การอนามัยโลกอีก ดังนั้น แนวทางสำคัญต้องส่งเสริมความรู้พื้นฐานแก่ประชาชน ใครที่ติดเชื้อ เบื้องต้นสามารถรักษาตัวเองได้ที่บ้าน ยกเว้นคนที่มีไข้สูง หรือมีโรคประจำตัว ต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะมีทีมเฉพาะกิจเข้าไปช่วยดูแล จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยตัวแลตัวเอง ทั้งการหมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากการที่ได้รับรายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า จำนวนคนที่เข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวจะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอย่างน้อยถึงปีหน้า จึงต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และไม่สร้างความตื่นตระหนก ส่วนตัวได้ติดตามสถานการณ์ทุกวัน
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า มีการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา แต่ไม่ห้ามให้จัดคอนเสิร์ตหรือแข่งขันฟุตบอลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะดูความหนักเบาของสถานการณ์เป็นหลัก เหตุที่ปิดโรงเรียนกวดวิชา เพราะมีตัวเลขคนที่ติดเชื้อสูง ส่วนสถานที่อื่นๆ คงต้องให้มีมาตรการคัดกรองที่เหมาะก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องสั่งปิดทุกอย่าง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหาการแพร่ระบาดไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า จนถึงวันนี้โรคดังกล่าวได้ระบาดในประเทศต่างๆ มากกว่า 130 ประเทศ และองค์การอนามัยโลกได้ยอมรับให้เป็นโรคประจำถิ่นของแต่ละประเทศเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีการรายงานตัวเลขให้องค์การอนามัยโลกอีก ดังนั้น แนวทางสำคัญต้องส่งเสริมความรู้พื้นฐานแก่ประชาชน ใครที่ติดเชื้อ เบื้องต้นสามารถรักษาตัวเองได้ที่บ้าน ยกเว้นคนที่มีไข้สูง หรือมีโรคประจำตัว ต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะมีทีมเฉพาะกิจเข้าไปช่วยดูแล จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยตัวแลตัวเอง ทั้งการหมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า จากการที่ได้รับรายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า จำนวนคนที่เข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวจะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอย่างน้อยถึงปีหน้า จึงต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และไม่สร้างความตื่นตระหนก ส่วนตัวได้ติดตามสถานการณ์ทุกวัน
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า มีการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา แต่ไม่ห้ามให้จัดคอนเสิร์ตหรือแข่งขันฟุตบอลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะดูความหนักเบาของสถานการณ์เป็นหลัก เหตุที่ปิดโรงเรียนกวดวิชา เพราะมีตัวเลขคนที่ติดเชื้อสูง ส่วนสถานที่อื่นๆ คงต้องให้มีมาตรการคัดกรองที่เหมาะก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่รุนแรงจนถึงขั้นต้องสั่งปิดทุกอย่าง