xs
xsm
sm
md
lg

อภ.เร่งผลิตเจลล้างมือเพิ่ม 2 เท่าตัว เหตุคนแห่ซื้อหลายร้อยเท่า ขณะที่หน้ากากเกลี้ยงสต๊อกเตรียมสั่งเพิ่ม 2 ล้านชิ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
อภ.เผยคนแห่ซื้อเจลล้างมือเพิ่มหลายร้อยเท่า เร่งกำลังผลิตสูงสุดเพิ่ม 2 เท่าตัว ระบุ สารสกัดบัวบกไม่พอผลิต เตรียมออกเจลสูตรใหม่ ผสมกลีเซอรีน คาดอีก 10 วัน วางตลาดได้ พร้อมสั่งนำเข้าหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 10 ล้านชิ้น หลังเกลี้ยงสต๊อกรอของอีก 15 วัน แถมเล็งผลิตจำหน่ายเอง ขณะที่กรมควบคุมโรคสั่งซื้อเพิ่มอีก 2 ล้านชิ้น ป้อนหน่วยงานราชการที่แจ้งขอฟรีเพียบ

วันที่ 14 กรกฎาคม นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.ได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลทำความสะอาด จีพีโอ เซนเทลลา คลีนเจลของ อภ.จากเดิมที่ผลิตแบบหลอดเพียง 3 หมื่นหลอดต่อรอบการผลิต เป็นผลิตเต็มกำลังสูงสุดของการผลิต คือ 6 หมื่นหลอดและแบบขวดจากเดิม 3 พันขวด เป็น 5 พันขวด เนื่องจากหลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 มีการรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ทำให้ประชาชนแห่ซื้อเจลทำความสะอาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายเจลเพิ่มจากเดิมหลายร้อยเท่า

“เจลล้างมือของ อภ.มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ช่วยในการฆ่าเชื้อ สารสกัดจากบัวบกช่วยให้มือนุ่มและเติมน้ำหอมให้มีกลิ่นหอม ซึ่งการที่ประชาชนมีความต้องการใช้เจลล้างมือเป็นอย่างมาก เพราะมีความสะดวกในการพกพาและใช้งานไม่เกิดผลเสียกับมือของผู้ใช้ ทำให้สารสกัดของบัวบกไม่เพียงพอหากเทียบกับปริมาณความต้องการใช้เจลล้างมือในปัจจุบัน ซึ่งการที่ล้างมือบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่ยังป้องกันโรคท้องเสียและโรคอื่นๆ ด้วย”นพ.วิทิต กล่าว

นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ อภ.เตรียมที่จะผลิตเจลทำความสะอาดสูตรใหม่ ที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนที่ทำให้มือนุ่มได้เช่นเดียวกับสารสกัดจากบัวบก มีราคาถูกกว่า แต่ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคไม่ต่างจากเดิม คาดว่า จะวางจำหน่ายในท้องตลาดได้ในอีก 10 วันข้างหน้า โดยจะมี 3 ขนาด ได้แก่ 1.แบบหลอด 50 กรัม ราคาประมาณ 20 บาท แพงกว่าแบบเดิมที่มีขนาด 20 กรัม 2 บาท 2.แบบขวด 500 กรัม ราคา 120 บาท ซึ่งเท่ากับแบบเดิมที่มีขนาด 450 กรัม และ3.แบบแกลลอน 4.5 ลิตร ราคา 700-800 บาท

นพ.วิทิต กล่าวอีกว่า ส่วนหน้ากากอนามัย ซึ่ง อภ.ไม่ได้ผลิตเองต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงเช่นกันเพราะประชาชนมีความตื่นตัวที่จะใช้ในการป้องกันโรคมาก บางหน่วยงานสั่งซื้อมายังอภ.มากถึง 1 ล้านชิ้น ทั้งที่โดยปกติจะสั่งนำเข้าประมาณ 1 หมื่น-1 แสนชิ้น และมียอดจำหน่ายเดิมเพียงแค่ 2-3 พันชิ้นเท่านั้น ขณะนี้ อภ.จึงมีหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอที่จะจำหน่ายตามความต้องการของประชาชน จึงสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก 10 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 1.5 บาท

“เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดในทุกประเทศทั่วโลก หน้ากากอนามัยจึงไม่เพียงพอเหมือนกันทั่วโลก ในส่วนที่อภ.สั่งซื้อไปนั้นจะทยอยส่งมอบในอีก 15 วัน และในอนาคตหากประชาชนคนไทยยังมีความตื่นตัวในการใช้หน้ากากอนามัยป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง อภ.ขอเข้ามีส่วนร่วมในการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ”นพ.วิทิต กล่าว

ขณะที่นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในแต่ละปีกรมควบคุมโรคจะสั่งซื้อหน้ากากอนามัย ประมาณ 4 ล้านชิ้น แบ่งเป็นหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก 1 ล้านชิ้น และสำหรับผู้ใหญ่ 3 ล้านชิ้น ซึ่งหลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009และมีการรณรงค์ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อโรคไปให้ผู้อื่น ปรากฏว่า มีหน่วยงานราชการขอสนับสนุนหน้ากากอนามัยมายังกรมเป็นจำนวนมาก ขณะนี้หน้ากากอนามัยที่กรมจึงเหลือจำนวนน้อยมาก ทำให้ต้องแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานต่างในจำนวนที่น้อยกว่าที่มีการร้องขอ เช่น ขอ 1 พันชิ้น กรมให้ได้เพียง 200 ชิ้น เป็นต้น

“กรมควบคุมโรคได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 2 ล้านชิ้น ชิ้นละประมาณ 5 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบหน้ากากอนามัยให้กับกรมทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ จะสนับสนุนหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสกับเชื้อทุกวันวันละหลายชั่วโมงเป็นหลัก ส่วนประชาชนทั่วไปอยากให้ทำหน้ากากอนามัยจากผ้าใช้เองโดยเฉพาะคนที่ป่วยมีอาการไอ จาม เพราะสามารถกรองเชื้อโรคได้เช่นกัน“นพ.มล.สมชาย กล่าว

นพ.มล.สมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางและเกณฑ์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จะมาถึงในเดือนตุลาคมนี้ จำนวน 2 ล้านโดส เตรียมจะฉีดให้กับ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาล 2.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่มีโรคประจำตัว และ 3.กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของประเทศ โดยที่บริษัทผู้ผลิตจะไม่รับรองผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกประเทศที่สั่งจองวัคซีนต้องยอมรับตามสัญญา
กำลังโหลดความคิดเห็น