“วิศวะ” ยื่นหนังสือ รมว.ศธ.ขอให้ยับยั้งการรวมวิทยาอาชีวเกษตร ประมง เข้าไปใน 19 สถาบันอาชีวะ ขอแยกเป็นสถาบันเฉพาะทาง 4 ภูมิภาค อ้าง ทรัพยากร บุคลากร วิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง ต่างกัน หากแยกจะยกระดับด้านการเกษตร
นายวิศวะ คงแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้ประสานงานจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ภาคใต้ พร้อมคณะ เดินทางมายืนหนังสือแก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายวิศวะ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมบอร์ดอาชีวศึกษา มีวาระการประชุมว่าด้วยการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา โดยนำสถานศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง รวมกับวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง ที่จะรวมเป็นสถาบันอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย คือ 1.ปล่อยให้มีการแก้ไขเกณฑ์การประเมินความพร้อมการจัดตั้งสถาบัน โดยที่ไม่ผ่านมติรับรองคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกาศของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษา ลว.10 ตุลาคม 2551 เป็นผลให้เกิดการขัดขวางการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร
2.ไม่ดำเนินการพิจารณาผลการประเมินความพร้อมการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรของกลุ่มวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง แต่ผลักดันให้เข้ากลุ่มสถาบันการอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและเป็นธรรม ขอให้ยับยั้งการเสนอกฎกระทรวงเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา ที่คณะกรรมการอาชีวศึกษาเสนอ และตรวจสอบการดำเนินการให้ถูกต้อง
“บริบทของแต่ละวิทยาลัยมีความแตกต่างกัน ซึ่งวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง จะเน้นไปทางภาคอุตสาหกรรม ขณะที่วิทยาลัยเกษตร กับวิทยาลัยประมง จะเน้นพัฒนาการเกษตร ประมง หากมีการตั้งเป็นสถาบันแล้วใช้บุคลากรรวมกัน จะมีปัญหาตามมาได้ จึงอยากให้แยกสถาบันอาชีวเกษตร ประมง ออกเป็น 4 ภูมิภาค เพื่อสะดวกต่อการใช้ทรัพยากร บุคลากรร่วมกัน”
นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอเวลาดูรายละเอียดและสอบถามไปยัง สอศ. ถ้าจะเข้าไปดำเนินการ เกรงว่า นักการเมืองเข้าไปล้วงลูก แต่ตอนนี้ยังไม่เวลา เพราะ สอศ.จะต้องเสนอเรื่องขึ้นมา เพื่อเสนอต่อ ครม.
ด้าน นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนำเข้าที่ประชุมบอร์ด สอศ. หลายครั้ง จนล่าสุด 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ วิทยาลัยเกษตร กับ วิทยาลัยประมง ไปอยู่กับ 19 สถาบัน
“ตอนนี้ไม่มีใครตอบได้ว่า การให้วิทยาลัยเกษตร วิทยาลัยประมง รวมอยู่กับวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง จะดีหรือไม่ดี ต้องดำเนินการไประยะหนึ่งแล้วถึงจะรู้ว่ามีจุดดี หรืออุปสรรค ตรงไหน อย่างไร แต่กฎกระทวง ตาม พ.ร.บ.อาชีวศึกษา ก็เปิดช่องให้ตั้งสถาบันเฉพาะทางได้” นายเฉลียว แสดงความเห็นว่า ให้อยู่ใน 19 สถาบัน จะใช้ทรัพยากร บุคลากร ร่วมกัน อีกทั้งช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ด้านการเกษตร หากแยกออกมาตั้งสถาบันเฉพาะทาง จะพัฒนากำลังคนด้านเกษตร เปิดสอนระดับปริญญาตรีสนองต่อภาคธุรกิจเกษตรได้
นายวิศวะ คงแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้ประสานงานจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ภาคใต้ พร้อมคณะ เดินทางมายืนหนังสือแก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายวิศวะ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมบอร์ดอาชีวศึกษา มีวาระการประชุมว่าด้วยการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา โดยนำสถานศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง รวมกับวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง ที่จะรวมเป็นสถาบันอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย คือ 1.ปล่อยให้มีการแก้ไขเกณฑ์การประเมินความพร้อมการจัดตั้งสถาบัน โดยที่ไม่ผ่านมติรับรองคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกาศของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษา ลว.10 ตุลาคม 2551 เป็นผลให้เกิดการขัดขวางการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร
2.ไม่ดำเนินการพิจารณาผลการประเมินความพร้อมการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรของกลุ่มวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง แต่ผลักดันให้เข้ากลุ่มสถาบันการอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและเป็นธรรม ขอให้ยับยั้งการเสนอกฎกระทรวงเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา ที่คณะกรรมการอาชีวศึกษาเสนอ และตรวจสอบการดำเนินการให้ถูกต้อง
“บริบทของแต่ละวิทยาลัยมีความแตกต่างกัน ซึ่งวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง จะเน้นไปทางภาคอุตสาหกรรม ขณะที่วิทยาลัยเกษตร กับวิทยาลัยประมง จะเน้นพัฒนาการเกษตร ประมง หากมีการตั้งเป็นสถาบันแล้วใช้บุคลากรรวมกัน จะมีปัญหาตามมาได้ จึงอยากให้แยกสถาบันอาชีวเกษตร ประมง ออกเป็น 4 ภูมิภาค เพื่อสะดวกต่อการใช้ทรัพยากร บุคลากรร่วมกัน”
นายจุรินทร์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอเวลาดูรายละเอียดและสอบถามไปยัง สอศ. ถ้าจะเข้าไปดำเนินการ เกรงว่า นักการเมืองเข้าไปล้วงลูก แต่ตอนนี้ยังไม่เวลา เพราะ สอศ.จะต้องเสนอเรื่องขึ้นมา เพื่อเสนอต่อ ครม.
ด้าน นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนำเข้าที่ประชุมบอร์ด สอศ. หลายครั้ง จนล่าสุด 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ วิทยาลัยเกษตร กับ วิทยาลัยประมง ไปอยู่กับ 19 สถาบัน
“ตอนนี้ไม่มีใครตอบได้ว่า การให้วิทยาลัยเกษตร วิทยาลัยประมง รวมอยู่กับวิทยาลัยเทคนิค สารพัดช่าง จะดีหรือไม่ดี ต้องดำเนินการไประยะหนึ่งแล้วถึงจะรู้ว่ามีจุดดี หรืออุปสรรค ตรงไหน อย่างไร แต่กฎกระทวง ตาม พ.ร.บ.อาชีวศึกษา ก็เปิดช่องให้ตั้งสถาบันเฉพาะทางได้” นายเฉลียว แสดงความเห็นว่า ให้อยู่ใน 19 สถาบัน จะใช้ทรัพยากร บุคลากร ร่วมกัน อีกทั้งช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ด้านการเกษตร หากแยกออกมาตั้งสถาบันเฉพาะทาง จะพัฒนากำลังคนด้านเกษตร เปิดสอนระดับปริญญาตรีสนองต่อภาคธุรกิจเกษตรได้