เปิดแล้วเวทีประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 6 “สุเทพ” ฝาก พม.ดำเนินโครงการปลูกฝังเยาวชนเรื่องประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม “ผอ.สท.” เผยที่ประชุมเสนอระดมทุนเข้ากองทุนเยาวชนอาเซียน เห็นพ้องให้ญี่ปุ่นเดินหน้าโครงการเรือเยาวชนฯ ต่อไป หลังส่อยุบทิ้งโครงการเพราะแบกค่าใช้จ่ายไม่ไหว ขณะที่ “สภาเยาวชนไทย” เสนอจัดตั้งสภาเยาวชนอาเซียน กำหนดพื้นฐานการศึกษาให้ใกล้เคียงกันในประเทศสมาชิก สร้างความเท่าเทียม
วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ รร.แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิด การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 6 (The Sixth ASEAN Ministerial Meeting on Youth : 6th AMMY) โดยมีคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส และผู้แทนเยาวชน จากประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศ+3 ประกอบด้วย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น กว่า 300 คน เข้าร่วมประชุม พร้อมทั้งกล่าวว่า ในโอกาสการประชุมครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทุกประเทศให้ความสนใจ ในปัญหาด้านเด็ก เยาวชน และจากการพูดคุยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้เห็นตรงกันให้มีการเตรียมการดำเนินโครงการเพื่อปลูกฝังเยาวชนในเรื่องของหลักประชาธิปไตย เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปลูกฝังในเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวง พม.ต้องเร่งเข้าไปดำเนินการในเรื่องเหล่านี้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในส่วนเยาวชนที่ออกนอกลู่นอกทางต้องเข้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยการจัดกิจกรรม การให้โอกาสสร้างพื้นที่การศึกษา เรียนรู้ เพื่อการพัฒนาตัวเองภายใต้การหนุนของผู้หลักผู้ใหญ่ และในส่วนของสถานศึกษาเองก็ต้องเร่งกระบวนการดูแลในเรื่องนี้ด้วย
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า รัฐบาลอยากเห็นเยาวชน เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง เรียนรู้เรื่องของประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งการส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคือการจัดค่ายเยาวชนที่เน้นในเรื่องความสำคัญด้านประวัติศาสตร์การเมือง ให้เยาวชนรู้จักบทบาทหน้าของตนเองให้มากขึ้น ส่วนเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี นั้นแต่ละภาคต้องเข้ามามีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเยาวชนแต่ละภาค ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวง พม.ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว
นายกิตติ สมานไทย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ(สท.) กล่าวว่า ประเด็นที่จะร่วมกันพูดคุยในที่ประชุมคือเรื่องหนึ่งคือ กองทุนเยาวชนอาเซียนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านเยาวชน ที่กำหนดให้แต่ละประเทศต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนเป็นเวลา 5 ปีๆ ละ 1 แสนยูเอสดอลลาร์ (ประมาณ 3 ล้านบาท) แต่ติดปัญหาประเทศยากจนอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา จะไม่สามารถสนับสนุนเงินได้ ทำให้แต่ละประเทศจึงขอกลับไปหารือถึงข้อกฎหมายเรื่องนี้ก่อน
นายกิตติ กล่าวด้วยว่า จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ญี่ปุ่นต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการพูดในที่ประชุมว่าจะยกเลิกโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ที่มีการจัดเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมาแล้ว 35 ปี ในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค.เป็นเวลา 53 วัน ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในโครงการทั้งหมด ที่มีเยาวชนจากกลุ่มประเทศสมาชิก หัวหน้าคณะผู้แทน รวมกว่า 400 คน เป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท แต่ที่ประชุมได้เตรียมเสนอให้ญี่ปุ่นคงโครงการนี้ไว้ เพราะถือเป็นโครงการที่มีมานานและเป็นประโยชน์กับเยาวชนอาเซียนในการแลกเปลี่ยนความรู้ วัฒนธรรม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ที่ผ่านมามีเยาวชนอาเซียนที่เคยเข้ารวมโครงการกว่า 5,000 คน และเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้
ด้าน นายเอก วงศ์อนันต์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการประชุมคู่ขนานเยาวชนอาเซียน+3 เยาวชนไทยได้นำเสนอให้มีการจัดตั้งสภาเยาวชนอาเซียน+ญีปุ่น เพื่อเป็นศูนย์กลางจัดทำกิจกรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งยังเสนอให้มีการสร้างเอกลักษณ์อาเซียน ให้ประชาคมอาเซียนเห็นถึงความสำคัญของประเทศสมาชิก ผ่านสื่อการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการลดความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิก รวมทั้งเสนอให้สถาบันการศึกษาบรรจุการสอนภาษาประเทศอาเซียนเป็นวิชาเลือก เช่น ภาษาบาฮาซา ที่มีถึง 5 ประเทศในอาเซียนใช้กัน นอกจากนี้ยังเห็นว่าการศึกษาของกลุ่มประเทศสมาชิกควรพัฒนาให้มีพื้นฐานใกล้เคียงกัน เพื่อการพัฒนาที่เท่าเทียมกัน พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นตรงกันว่าเยาวชนในปัจจุบันขาดจิตอาสา ซึ่งหากขาดในส่วนนี้การสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเยาวชนในอาเซียนคงทำได้ยาก
วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ รร.แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิด การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 6 (The Sixth ASEAN Ministerial Meeting on Youth : 6th AMMY) โดยมีคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส และผู้แทนเยาวชน จากประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศ+3 ประกอบด้วย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น กว่า 300 คน เข้าร่วมประชุม พร้อมทั้งกล่าวว่า ในโอกาสการประชุมครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทุกประเทศให้ความสนใจ ในปัญหาด้านเด็ก เยาวชน และจากการพูดคุยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้เห็นตรงกันให้มีการเตรียมการดำเนินโครงการเพื่อปลูกฝังเยาวชนในเรื่องของหลักประชาธิปไตย เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปลูกฝังในเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวง พม.ต้องเร่งเข้าไปดำเนินการในเรื่องเหล่านี้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในส่วนเยาวชนที่ออกนอกลู่นอกทางต้องเข้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยการจัดกิจกรรม การให้โอกาสสร้างพื้นที่การศึกษา เรียนรู้ เพื่อการพัฒนาตัวเองภายใต้การหนุนของผู้หลักผู้ใหญ่ และในส่วนของสถานศึกษาเองก็ต้องเร่งกระบวนการดูแลในเรื่องนี้ด้วย
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า รัฐบาลอยากเห็นเยาวชน เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง เรียนรู้เรื่องของประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งการส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคือการจัดค่ายเยาวชนที่เน้นในเรื่องความสำคัญด้านประวัติศาสตร์การเมือง ให้เยาวชนรู้จักบทบาทหน้าของตนเองให้มากขึ้น ส่วนเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี นั้นแต่ละภาคต้องเข้ามามีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเยาวชนแต่ละภาค ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวง พม.ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว
นายกิตติ สมานไทย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ(สท.) กล่าวว่า ประเด็นที่จะร่วมกันพูดคุยในที่ประชุมคือเรื่องหนึ่งคือ กองทุนเยาวชนอาเซียนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านเยาวชน ที่กำหนดให้แต่ละประเทศต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนเป็นเวลา 5 ปีๆ ละ 1 แสนยูเอสดอลลาร์ (ประมาณ 3 ล้านบาท) แต่ติดปัญหาประเทศยากจนอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา จะไม่สามารถสนับสนุนเงินได้ ทำให้แต่ละประเทศจึงขอกลับไปหารือถึงข้อกฎหมายเรื่องนี้ก่อน
นายกิตติ กล่าวด้วยว่า จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ญี่ปุ่นต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการพูดในที่ประชุมว่าจะยกเลิกโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ที่มีการจัดเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมาแล้ว 35 ปี ในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค.เป็นเวลา 53 วัน ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในโครงการทั้งหมด ที่มีเยาวชนจากกลุ่มประเทศสมาชิก หัวหน้าคณะผู้แทน รวมกว่า 400 คน เป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท แต่ที่ประชุมได้เตรียมเสนอให้ญี่ปุ่นคงโครงการนี้ไว้ เพราะถือเป็นโครงการที่มีมานานและเป็นประโยชน์กับเยาวชนอาเซียนในการแลกเปลี่ยนความรู้ วัฒนธรรม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ที่ผ่านมามีเยาวชนอาเซียนที่เคยเข้ารวมโครงการกว่า 5,000 คน และเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้
ด้าน นายเอก วงศ์อนันต์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการประชุมคู่ขนานเยาวชนอาเซียน+3 เยาวชนไทยได้นำเสนอให้มีการจัดตั้งสภาเยาวชนอาเซียน+ญีปุ่น เพื่อเป็นศูนย์กลางจัดทำกิจกรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งยังเสนอให้มีการสร้างเอกลักษณ์อาเซียน ให้ประชาคมอาเซียนเห็นถึงความสำคัญของประเทศสมาชิก ผ่านสื่อการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการลดความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิก รวมทั้งเสนอให้สถาบันการศึกษาบรรจุการสอนภาษาประเทศอาเซียนเป็นวิชาเลือก เช่น ภาษาบาฮาซา ที่มีถึง 5 ประเทศในอาเซียนใช้กัน นอกจากนี้ยังเห็นว่าการศึกษาของกลุ่มประเทศสมาชิกควรพัฒนาให้มีพื้นฐานใกล้เคียงกัน เพื่อการพัฒนาที่เท่าเทียมกัน พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นตรงกันว่าเยาวชนในปัจจุบันขาดจิตอาสา ซึ่งหากขาดในส่วนนี้การสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเยาวชนในอาเซียนคงทำได้ยาก
