“ธีระ” เห็นชอบยุทธศาสตร์ส่งเสริมอุตสาหกรรมหนัง เผย 3 ปี สร้างไทยเขตปลอดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์-ศูนย์กลางผลิตภาพยนตร์ ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ส่งเสริมคุณธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2552-2554 ตามที่ วธ.เสนอ และมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปปฏิบัติด้วย สำหรับร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคธุรกิจ จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการนำทุนและมรดกทางวัฒนธรรมของไทยซึ่งมีอยู่มากกมายไปใช้ในการสร้างภาพยนตร์ เหมือนกับที่สาธารรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ทำกัน
นายธีระ กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฯ จะมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปีในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต เผยแพร่ ถ่ายทำ จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ที่สำคัญในตลาดโลก รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่สำคัญ จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ไทยเป็นเขตปลอดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และลดความสูญเสียจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เกี่ยวกับงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตนมองว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จึงน่าจะเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ สร้างงาน และสร้างรายได้ จากการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า ไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 27,386 ล้านบาท ดังนั้น เชื่อว่า ต่อเมื่อมีกรอบทิศทาง หรือแนวทางที่ปฏิบัติชัดเจนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะส่งผลให้ไทยมีศักยภาพในการพัฒนาวงการภาพยนตร์ รวมถึงการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ที่สำคัญ จะสามารถเป็นอีกส่วนที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ตามที่ วธ.เสนอ จำนวน 9 คน/รูป ได้แก่ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) วัดราชโอรสาราม พระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ) วัดบวรนิเวศวิหาร ศ.เกียรติคุณคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร นายแผน วรรณเมธี ศ.พิเศษ เอกวิทย์ ณ ถลาง รศ.ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง นายสมพร เทพสิทธา และ นายมนตรี สินทวิชัย เพราะปัจจุบันคนในสังคมถือว่ายังขาดเรื่องคุณธรรมอยู่มาก ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องมีคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดนี้ เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบาย วางมาตรการ กรอบทิศทาง และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในส่งเสริมคุณธรรมนำไปสู่การปฏิบัติในทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งให้เกิดความรู้ความเข้าใจด้วย
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2552-2554 ตามที่ วธ.เสนอ และมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปปฏิบัติด้วย สำหรับร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคธุรกิจ จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการนำทุนและมรดกทางวัฒนธรรมของไทยซึ่งมีอยู่มากกมายไปใช้ในการสร้างภาพยนตร์ เหมือนกับที่สาธารรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ทำกัน
นายธีระ กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฯ จะมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปีในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต เผยแพร่ ถ่ายทำ จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ที่สำคัญในตลาดโลก รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่สำคัญ จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ไทยเป็นเขตปลอดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และลดความสูญเสียจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เกี่ยวกับงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตนมองว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จึงน่าจะเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ สร้างงาน และสร้างรายได้ จากการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า ไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 27,386 ล้านบาท ดังนั้น เชื่อว่า ต่อเมื่อมีกรอบทิศทาง หรือแนวทางที่ปฏิบัติชัดเจนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะส่งผลให้ไทยมีศักยภาพในการพัฒนาวงการภาพยนตร์ รวมถึงการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ที่สำคัญ จะสามารถเป็นอีกส่วนที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ตามที่ วธ.เสนอ จำนวน 9 คน/รูป ได้แก่ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) วัดราชโอรสาราม พระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ) วัดบวรนิเวศวิหาร ศ.เกียรติคุณคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร นายแผน วรรณเมธี ศ.พิเศษ เอกวิทย์ ณ ถลาง รศ.ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง นายสมพร เทพสิทธา และ นายมนตรี สินทวิชัย เพราะปัจจุบันคนในสังคมถือว่ายังขาดเรื่องคุณธรรมอยู่มาก ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องมีคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดนี้ เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบาย วางมาตรการ กรอบทิศทาง และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในส่งเสริมคุณธรรมนำไปสู่การปฏิบัติในทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มอาชีพรวมทั้งให้เกิดความรู้ความเข้าใจด้วย