“รองเลขาฯ พก.” เผย กระทรวงแรงงาน ยกร่างกฎกระทรวงจ้างงานคนพิการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมทำประชาพิจารณ์จากทุกฝ่าย เพื่อกำหนดสัดส่วนการรับคนพิการเข้าทำงาน ขั้นตอนการปฏิบัติในเรื่องต่างๆ พร้อมประสานนายจ้างที่เคยจ้างงานคนพิการ ให้ข้อมูล เปลี่ยนทัศนคติที่ดีในการรับเข้าทำงานมากขึ้น
นางสุนีย์ สายสุพัฒน์ผล รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.) เปิดเผยว่า ตามที่พ.ร.บ. การจ้างงานคนพิการปี 2550 ที่ออกไปแล้วนั้น การจะนำกฎหมายไปใช้ต้องมีการออกเป็นกฎกระทรวง ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงแรงงาน ซึ่งรับผิดชอบได้ยกร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์ ในการกำหนดสัดส่วนคนพิการในการเข้าทำงาน ซึ่งจากเดิมจะอยู่ที่ 200/1 อาจมีการปรับเพิ่มให้มีสัดส่วนคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น หรือการกำหนดวิธีปฏิบัติ ในขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน โดยต้องมีทั้งส่วนของภาครัฐ นายจ้าง และองค์กรลูกจ้าง เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการให้เป็นที่พอใจทุกฝ่าย และอยู่ในทางที่ดีที่สุด
นางสุนีย์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้พิการแล้วการได้รับการจ้างงานนั้นถือเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการสร้างการมีคุณค่าของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าสังคมมีการเปิดกว้าง และสร้างการยอมรับมากขึ้น อีกทั้งผู้พิการที่มีงานทำก็จะได้เสียภาษีเหมือนกับคนอื่นที่มีรายได้ การเสียภาษีนี้เหมือนเป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดีที่จะได้นำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศ เป็นการทำให้ผู้พิการเองรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในส่วนของนายจ้างที่จ้างงานคนพิการอยู่แล้วก็จะเข้าใจถึงศักยภาพของผู้พิการที่รับเข้ามาทำงานเป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ หน่วยงานอาจยังไม่สนใจ ยังมีความกังวลในการจ้างงานคนพิการอยู่ จึงต้องอาศัยนายจ้างเหล่านั้นเข้ามาให้ข้อมูล เชื่อมโยงแนวคิดเพื่อให้แต่ละที่ แต่ละหน่วยงานมีทัศนคติที่ดีในการรับคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น
นางสุนีย์ สายสุพัฒน์ผล รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.) เปิดเผยว่า ตามที่พ.ร.บ. การจ้างงานคนพิการปี 2550 ที่ออกไปแล้วนั้น การจะนำกฎหมายไปใช้ต้องมีการออกเป็นกฎกระทรวง ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงแรงงาน ซึ่งรับผิดชอบได้ยกร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์ ในการกำหนดสัดส่วนคนพิการในการเข้าทำงาน ซึ่งจากเดิมจะอยู่ที่ 200/1 อาจมีการปรับเพิ่มให้มีสัดส่วนคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น หรือการกำหนดวิธีปฏิบัติ ในขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน โดยต้องมีทั้งส่วนของภาครัฐ นายจ้าง และองค์กรลูกจ้าง เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการให้เป็นที่พอใจทุกฝ่าย และอยู่ในทางที่ดีที่สุด
นางสุนีย์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้พิการแล้วการได้รับการจ้างงานนั้นถือเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการสร้างการมีคุณค่าของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าสังคมมีการเปิดกว้าง และสร้างการยอมรับมากขึ้น อีกทั้งผู้พิการที่มีงานทำก็จะได้เสียภาษีเหมือนกับคนอื่นที่มีรายได้ การเสียภาษีนี้เหมือนเป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดีที่จะได้นำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศ เป็นการทำให้ผู้พิการเองรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในส่วนของนายจ้างที่จ้างงานคนพิการอยู่แล้วก็จะเข้าใจถึงศักยภาพของผู้พิการที่รับเข้ามาทำงานเป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ หน่วยงานอาจยังไม่สนใจ ยังมีความกังวลในการจ้างงานคนพิการอยู่ จึงต้องอาศัยนายจ้างเหล่านั้นเข้ามาให้ข้อมูล เชื่อมโยงแนวคิดเพื่อให้แต่ละที่ แต่ละหน่วยงานมีทัศนคติที่ดีในการรับคนพิการเข้าทำงานมากขึ้น
