รมว.สธ.เผย อสม.จำนวน 987,019 คน จะได้รับเงินค่าตอบแทน 600 บาทเดือนแรกภายใน 30 เมษายน 52 นี้แน่นอน ขณะนี้มหาดไทยโอนเงินงวดแรก 3 เดือนกว่า 1,700 ล้านบาท ไปให้จังหวัดเพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเบิกจ่ายแล้ว
วันนี้ (24 เม.ย.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปติดตามการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่อำเภอละแม อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร และให้สัมภาษณ์ว่า
ปีนี้นับเป็นปีแรกที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนค่าตอบแทน อสม.เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุก โดยไม่ถือเป็นเงินเดือน หรือค่าจ้าง ในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มจ่ายตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2552 ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณกลางปี กระตุ้นเศรษฐกิจในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน อสม.จำนวน 3 พันล้านบาท
ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการ โดยกระทรวงมหาดไทยโอนเงินงวดแรก 3 เดือนกว่า 1,700 ล้านบาท ไปให้จังหวัด เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการเบิกจ่ายต่อไป ซึ่ง อสม.ที่ลงทะเบียนไว้จำนวน 987,019 คน จะได้รับเงินค่าตอบแทน 600 บาท ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้แน่นอน
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของ อสม.โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอบรมเพิ่มพูนความรู้ อสม.ในการปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านหรือชุมชน ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่
1.การดูแลหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด โดยให้ อสม.สำรวจหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่รับผิดชอบ แนะนำไปฝากครรภ์และเฝ้าระวังภาวะเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ 2.การสร้างเด็กไทยในอนาคต ให้ อสม.ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตั้งแต่แรกเกิด-6 เดือน ส่งเสริมการเล่านิทานให้เด็ก การประเมินสุขภาพเด็ก และส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 3.การดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ ให้อสม.สำรวจประเมินสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการ ให้จัดทำแผนหรือกิจกรรมพัฒนาสุขภาพผู้สูงอายุผู้พิการร่วมกับชุมชน และออกเยี่ยมบ้านอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านพญ.อุทุมพร กำภู ณ อยุธยา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การดำเนินงาน อสม. ของจังหวัดชุมพร ในปี2552 เน้นโครงการ อสม.สายใยรัก “กองทัพนมแม่” มีการพัฒนาศักยภาพ อสม.กว่า 1,500 คน จัดอบรม อสม.ทุกหมู่บ้าน ให้ อสม.ไปให้ความรู้การดูแลแม่และเด็กในหมู่บ้าน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ติดตามหญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตรในหมู่บ้านได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และโครงการรณรงค์สัปดาห์วัณโรค โดยให้อสม.ร่วมค้นหากลุ่มเสี่ยงผู้ป่วยวัณโรคในชุมชน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาวัณโรค ตลอดจนร่วมกับเครือข่ายชุมชนให้ความรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยวัณโรคและญาติ