“แดงจัญไร” ปิดอนุสาวรีย์ชัยฯ ทำผู้ป่วยเดือดร้อนหนัก คุณยายวัย 82 ปี ป่วยอัมพฤกษ์ร้องไห้ ทุรนทุรายอยากกลับบ้าน ลูกสาวหวั่นถ้าชุมนุมต่อจะทำให้แม่มาโรงพยาบาลรามา ลำบาก ขณะที่ผู้ป่วยจากสำโรง เครียดรอลูกชายรับกลับบ้าน ด้าน รพ.รามา เร่งนำรถฉุกเฉินทยอยส่งผู้ป่วยในจุดที่การจราจรไร้ปัญหา
นางสมัย ไตรพินิจ อายุ 63 ปี ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยป่วยเป็นโรคเรื้อรังหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ กล่าวว่า เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเช้า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงต้องทำใจ ตอนนี้กำลังรอลูกชายให้มารับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมารับได้ทางไหน เพราะไม่มีทางเข้าและไม่มีโทรศัพท์ติดต่อ ซึ่งถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องให้เข้ามารับ และกลับกับรถของทางโรงพยาบาลที่ออกไปส่ง
“บ้านอยู่สำโรง ต้องมาตรวจ 2 อาทิตย์ครั้ง ก็เป็นห่วงเหมือนกันว่า ถ้ายังคงมีการปักหลักชุมนุมที่อนุสาวรีย์ ก็เกรงว่า จะเดินทางมาโรงพยาบาลลำบาก”
ด้าน “นางหน่อย” อายุ 42 ปี ซึ่งพามารดาที่มีอายุ 82 ปี และเป็นคนไข้ประจำที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ครึ่งซีก กล่าวว่า วันนี้มาหาหมอ เพราะว่า มารดามีอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งแพทย์บอกว่าต้องเข้ารับการรักษาทุกวันจนถึงวันที่ 16 เม.ย.จึงกังวลว่า ถ้าหากมีการชุมนุมต่อเนื่องที่อนุสาวรีย์ อาจจะทำให้เดินทางมาหาหมอลำบาก ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม เพราะบริเวณนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่ง และมีผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา
“พาแม่มาหาหมอตั้งแต่หกโมงเช้า จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับบ้าน ตอนนี้แม่นอนอยู่บนเตียงซึ่งเล็กมาก ขยับเขยื้อนไม่ได้ ร้องไห้หลายครั้งแล้ว เพราะทุรนทุรายอยากจะกลับบ้าน ถ้าไม่มีเหตุ ก็คงกลับถึงบ้านและคงได้พักผ่อนกันแล้ว”
นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมนิติ รองผู้อำนวยโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้นำรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 6 คน นำผู้ป่วยที่รอกลับบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินได้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าตรงโคลีเซียม และสถานีรถไฟบางซื่อ 2 จุด โดยได้ทยอยส่งผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น.และจนขณะนี้เกือบจะหมดแล้ว
ทั้งนี้ ได้ประสานกับตำรวจและกลุ่มเสื้อแดงให้อำนวยความสะดวกในเรื่องการขนส่งผู้ป่วยประมาณร้อยกว่าคน และมีผู้ตกค้างในโรงพยาบาลบางส่วนเพราะผู้ป่วยรอญาติให้มารับ
นพ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากมีการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้คนไข้ที่เดินทางเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลทั้งผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาประจำเกิดความลำบาก