สทศ.สรุปผลคะแนนโอเน็ต เผยนักเรียนทำคะแนนเฉลี่ยได้ไม่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 30-40 โดยนักเรียนที่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยทำคะแนนได้ดีกว่าประมาณร้อยละ 10 ยังไม่น่าพอใจนัก มั่นใจจำนวนนักเรียนยื่นขอดูกระดาษคำตอบลดน้อยลง
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. กล่าวถึงผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ซึ่งประกาศผลในวันนี้ (6 เม.ย.) ว่า ในภาพรวมผลคะแนนเฉลี่ยทั้ง 8 วิชา ได้แก่ วิชาภาษาไทย วิชาสังคมศึกษา วิชาภาษาต่างประเทศ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา วิชาศิลปะ และวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยนักเรียนทำคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 30-40 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ยกเว้นวิชาสุขศึกษา และพลศึกษาที่นักเรียนทำคะแนนได้เกิน ร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนชั้น ม.6 ที่สามารถทำคะแนนวิชาภาษาอังกฤษได้เต็ม และไม่มีใครได้ศูนย์ในวิชาใด
สำหรับวิชาที่นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ วิชาสุขศึกษา เฉลี่ย 56.745 คะแนน รองลงมาคือ ภาษาไทย เฉลี่ย 46.415 คะแนน วิชาศิลปะ เฉลี่ย 43.216 คะแนน วิชาการงาน เฉลี่ย 40.012 คะแนน วิชาภาษาอังกฤษ เฉลี่ย 35.978 คะแนน วิชาสังคมศึกษา เฉลี่ย 34.671 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 33.649 คะแนน และ คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 30.643 คะแนน ซึ่งเป็นวิชาที่ได้คะแนนต่ำสุด
ผอ.สทศ. กล่าวต่อว่า ในชั้น ม.6 มีการสอบโอเน็ตปีนี้ เป็นปีที่ 4 เมื่อนำคะแนนทั้ง 4 ปีมาวัด ในหน่วยมาตรฐานเดียวกัน พบว่า คะแนนเฉลี่ยวิชาหลัก 5 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ไม่ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่วิชาเดียว แสดงว่าเด็กไทยไม่ได้เก่งขึ้นทั้งประเทศ และคะแนนเฉลี่ย 4 ปี ยังต่ำกว่า 50% โดยพบว่า ภาษาไทย เฉลี่ย 49% รองลงมาคือ สังคมศึกษา เฉลี่ย 38.25 วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 34.28% ภาษาอังกฤษ เฉลี่ย 32.12% และต่ำสุดคือ คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 30.28 %
“ค่อนข้างชัดเจนว่าในภาพรวมนักเรียนทำคะแนนโอเน็ตได้ไม่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยนักเรียนในกลุ่มที่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยทำคะแนนเฉลี่ยได้ดีกว่าเด็กทั่วไปประมาณ ร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ควรจะมีผลคะแนนดีกว่านี้ จึงยังไม่น่าพอใจนัก”
ผอ.สทศ.กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับนักเรียนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคะแนนของตนเอง และต้องการขอดูกระดาษคำตอบ ขอให้มายื่นคำร้องได้ที่ สทศ. อาคารพญาไทพลาซา ชั้น 35 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (7 เม.ย) เวลา 08.30-16.30 น.ถึงวันที่ 9 เม.ย. โดยนักเรียนจะได้ดูกระดาษคำตอบของตนเองหลังจากยื่นคำร้องประมาณ 2 วัน ทั้งนี้ หลังวันที่ 9 เม.ย. สทศ.จะปิดยื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบ และจะเปิดให้ยื่นคำร้องอีกครั้งหลังเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม คาดว่านักเรียนจะขอดูกระดาษคำตอบไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่สมัครเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว และทุกปีจำนวนผู้ขอดูกระดาษคำตอบลดน้อยลง โดยปีที่ผ่านมามีผู้ยื่นคำร้องขอดูกระดาษคำตอบ จำนวน 600 ราย และปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 400 ราย ซึ่งการจัดสอบและประกาศผลโอเน็ตปีนี้ระบบต่างๆ ราบรื่นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากให้โรงเรียนส่งข้อมูลให้ สทศ. โดยตรง
ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาที่นักเรียนสอบถามเข้ามามากในการประกาศผลสอบโอเน็ตวันนี้ คือส่วนใหญ่จำเลขที่นั่งสอบไม่ได้ทำให้เข้าไปดูคะแนนทางเว็บไซต์ไม่ได้ จึงอยากฝากนักเรียนทุกคนอย่าทิ้งหลักฐานการสอบจนกว่าจะรู้ผลคะแนน ส่วนปัญหาเครื่องตรวจข้อสอบไม่ตรวจ เพราะนักเรียนไม่เขียนชื่อหรือเลขที่นั่งสอบ สทศ. เตรียมแก้ไขด้วยการพิมพ์ชื่อและเลขที่นั่งสอบบนกระดาษคำตอบให้ ซึ่งต่อไปจะสแกนภาพผู้เข้าสอบไว้ที่กระดาษคำตอบด้วย เพื่อให้การตรวจข้อสอบเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว