กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 9 เกิดพายุฤดูร้อนแผ่ปกคลุมไทยตอนบน ในช่วง14-15 มี.ค. หลีกเลี่ยงอยู่ที่โล่ง กลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ งดใช้เครื่องมือสื่อสารในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง
วันที่ 14 มีนาคม กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนในประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 7 (44/2552) ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2552 จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม 2552 ไว้ด้วย
ทั้งนี้ ในภาคเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศา สำหรับในตอนกลางวัน มีอากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิจิตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองบัวลำภู เลย มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา
ภาคกลาง อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศา
ภาคตะวันออก อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. กรมอุตุฯ ได้ออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนในประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 9 (46/2552) ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2552 จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม 2552 ไว้ด้วย
วันที่ 14 มีนาคม กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนในประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 7 (44/2552) ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2552 จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม 2552 ไว้ด้วย
ทั้งนี้ ในภาคเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศา สำหรับในตอนกลางวัน มีอากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิจิตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองบัวลำภู เลย มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา
ภาคกลาง อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศา
ภาคตะวันออก อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง บางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. กรมอุตุฯ ได้ออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนในประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 9 (46/2552) ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2552 จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งกลางแจ้งหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งควรงดใช้เครื่องมือสื่อสารหรือวัตถุที่อาจเป็นสื่อนำไฟฟ้าในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14-16 มีนาคม 2552 ไว้ด้วย