3 หน่วยงานจับมือขยายสายพันธุ์สักทองมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า 1 ล้านต้น เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาในปี 2554
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วยนายศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้าเพื่อร่วมกันขยายพันธุ์ต้นสักมงคลทั้ง 6 ต้นให้ได้ 1 ล้านต้นในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา
โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.ได้สนองพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีฉลองเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงมีพระราชปรารภที่จะปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ดังนั้น กทม.จึงได้ทำโครงการปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า จำนวน 1 ล้านต้น ในปี 2554 ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 7 รอบ 84 พระชนมพรรษา โดยได้รับความร่วมมือจากกรมป่าไม้ และ ไบโอเทค ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและการขยายพันธุ์ต้นกล้าสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า โดยก่อนที่จะโค่นสักมงคลทั้ง 6 ต้นเพื่อนำไปทำเสาชิงช้าและส่วนประกอบของเสาชิงช้า ในพิธีฉลองเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้เก็บกิ่งพันธุ์ต้นสักดังกล่าวมาขยายโดยการติดตา และเก็บรวบรวมพันธุ์ไว้ที่สถานีวิจัยงาว จ.ลำปาง เพื่อใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ในการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและปักชำ เพื่อการผลิตกล้าไม้สักที่มีลักษณะทางพันธุ์เหมือนต้นสักเดิมทุกประการ และเพื่อเป็นการบูรณาการในการอนุรักษ์สายพันธุ์สักมงคลที่นำไปทำเสาชิงช้า ทั้ง 3 หน่วยงานจึงร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือการดำเนินดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการคืนธรรมชาติ และสร้างความตระหนักในหมู่ประชาชนได้เป็นอย่างดี
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการแจกจ่ายกล้าไม้สักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนโดยใช้เลขที่ประจำตัวประชาชน 13 หลัก ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ซึ่งกำหนดให้ได้สิทธิ์คนละ 1 ครั้งเท่านั้น หากลงทะเบียนซ้ำซ้อนระบบจะมีการตีกลับ โดย 20,000 ต้นแรกจะแบ่งมาจำนวน 5,000 ต้น ให้กับกทม.เพื่อนำไปปลูกที่ศาลาว่าการ กทม. 2 (ดินแดง) กทม. และหากเป็นหน่วยงานราชการจะได้หน่วยงานละ 9 ต้น โดยทั้ง 3 หน่วยงานจะจะใช้โปรแกรมการรับกล้าไม้ร่วมกัน เพื่อตรวจเช็คจำนวนกล้าไม้ที่คงเหลือและสามารถแจกจ่ายได้พร้อมกัน โดยจะเปิดให้จองรับกล้าไม้ได้ในเดือนพฤษภาคมนี้
นายศักรินทร์ กล่าวว่า ศูนย์พันธุ์วิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) หน่วยงานภายใต้ สวทช.ได้ทำเอกลักษณ์ (finger print) ทางพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ของต้นสักมงคล นำต้นแม่พันธุ์ไปขยายด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและรับกล้าสักที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและพิสูจน์เอกลักษณ์ มาขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำ (cutting) และนำมาดูแลไว้ในถุงเพาะชำกล้าไม้ เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยจะเริ่มแจกจ่ายกล้าไม้สักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้าในปี 2552 จำนวน 20,000 ต้น และในปี 2553 จำนวน 280,000 ต้น และสิ้นสุดโครงการในปี 2554 จำนวนอีก 700,000 ต้น รวมทั้งสิ้น 1 ล้านต้น
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วยนายศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้าเพื่อร่วมกันขยายพันธุ์ต้นสักมงคลทั้ง 6 ต้นให้ได้ 1 ล้านต้นในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา
โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.ได้สนองพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีฉลองเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงมีพระราชปรารภที่จะปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ดังนั้น กทม.จึงได้ทำโครงการปลูกต้นสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า จำนวน 1 ล้านต้น ในปี 2554 ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 7 รอบ 84 พระชนมพรรษา โดยได้รับความร่วมมือจากกรมป่าไม้ และ ไบโอเทค ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและการขยายพันธุ์ต้นกล้าสักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า โดยก่อนที่จะโค่นสักมงคลทั้ง 6 ต้นเพื่อนำไปทำเสาชิงช้าและส่วนประกอบของเสาชิงช้า ในพิธีฉลองเสาชิงช้า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้เก็บกิ่งพันธุ์ต้นสักดังกล่าวมาขยายโดยการติดตา และเก็บรวบรวมพันธุ์ไว้ที่สถานีวิจัยงาว จ.ลำปาง เพื่อใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ในการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและปักชำ เพื่อการผลิตกล้าไม้สักที่มีลักษณะทางพันธุ์เหมือนต้นสักเดิมทุกประการ และเพื่อเป็นการบูรณาการในการอนุรักษ์สายพันธุ์สักมงคลที่นำไปทำเสาชิงช้า ทั้ง 3 หน่วยงานจึงร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือการดำเนินดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการคืนธรรมชาติ และสร้างความตระหนักในหมู่ประชาชนได้เป็นอย่างดี
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการแจกจ่ายกล้าไม้สักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้า ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนโดยใช้เลขที่ประจำตัวประชาชน 13 หลัก ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ซึ่งกำหนดให้ได้สิทธิ์คนละ 1 ครั้งเท่านั้น หากลงทะเบียนซ้ำซ้อนระบบจะมีการตีกลับ โดย 20,000 ต้นแรกจะแบ่งมาจำนวน 5,000 ต้น ให้กับกทม.เพื่อนำไปปลูกที่ศาลาว่าการ กทม. 2 (ดินแดง) กทม. และหากเป็นหน่วยงานราชการจะได้หน่วยงานละ 9 ต้น โดยทั้ง 3 หน่วยงานจะจะใช้โปรแกรมการรับกล้าไม้ร่วมกัน เพื่อตรวจเช็คจำนวนกล้าไม้ที่คงเหลือและสามารถแจกจ่ายได้พร้อมกัน โดยจะเปิดให้จองรับกล้าไม้ได้ในเดือนพฤษภาคมนี้
นายศักรินทร์ กล่าวว่า ศูนย์พันธุ์วิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) หน่วยงานภายใต้ สวทช.ได้ทำเอกลักษณ์ (finger print) ทางพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ของต้นสักมงคล นำต้นแม่พันธุ์ไปขยายด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและรับกล้าสักที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและพิสูจน์เอกลักษณ์ มาขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำ (cutting) และนำมาดูแลไว้ในถุงเพาะชำกล้าไม้ เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับประชาชน โดยจะเริ่มแจกจ่ายกล้าไม้สักมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้าในปี 2552 จำนวน 20,000 ต้น และในปี 2553 จำนวน 280,000 ต้น และสิ้นสุดโครงการในปี 2554 จำนวนอีก 700,000 ต้น รวมทั้งสิ้น 1 ล้านต้น
