“หมอวิชาญ” ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ค้านขึ้นทะเบียนสมุนไพรไทย 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตราย ชี้เป็นสมุนไพรที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชนมาตลอด จะทำให้คนไทยกลัวฝังใจและยากจะลบเลือน ทำให้คนไทยกลัวการใช้ยาสมุนไพรในวิถีการแพทย์ทางเลือก แนะหากต้องการควบคุมคุณภาพควรใช้กฎหมายอื่นแทนไม่ใช่กำหนดเป็นวัตถุอันตราย
นพ.วิชาญ เกิดวิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงกรณีกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดให้พืช 13 สมุนไพร เช่น สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง พริก ขึ้นฉ่าย เป็นต้น เป็นวัตถุอันตรายว่า ผลที่จะเกิดขึ้นทันทีคือความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อสมุนไพรทั้ง 13 ชนิด เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายหากนำมาใช้ ทั้งที่สมุนไพรทั้ง 13 ชนิด เป็นสมุนไพรที่ใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันของประชาชนมาตลอด ซึ่งความรู้สึกกลัวนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วใช้เวลานานยากที่จะลบเลือน กว่าที่ความกังวลจะหายไปและจะทำให้คนไทยเกิดความกังวลในการใช้สมุนไพรในวิถีการแพทย์ทางเลือก
นพ.วิชาญ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะมีการขึ้นทะเบียนแบบนี้ และควรจะมีการสร้างความเข้าใจให้เกิดกับสาธารณะมากกว่านี้ สำหรับผลกระทบกับผลิตภัณฑ์ของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หากถูกกำหนดให้เป็นวัตถุอันตราย ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เป็นสบู่ ยาสระผม ไม่กระทบ แต่หากเป็นยาสำหรับรับประทาน ซึ่งมีส่วนผสมของ 13 สมุนไพรอยู่มาก อาจจะกังวลได้ วิธีที่ถูกต้องคือ ไม่ควรจัด 13 สมุนไพร เป็นวัตถุอันตราย นอกจากมีการแปรรูป แต่หากต้องการควบคุมคุณภาพ ควรใช้กฎหมายฉบับอื่น ไม่ใช่การควบคุมเป็นวัตถุอันตราย
นพ.วิชาญ กล่าวอีกว่าปัจจุบันยาสมุนไพรมีคุณภาพดี ราคาถูกกว่าราคายาที่ใช้เคมีมาก และผลข้างเคียงมีน้อย แต่มีบ้างหากใช้ไม่ถูกวิธี ฉะนั้น ประชาชนจะกลัว ผลเสียจะเกิดกับยาสมุนไพรที่ใช้ได้ดี เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย ซึ่งมีขมิ้นชัน ขิง ทั้งแคปซูล และสมุนไพร และความรู้สึกกลัว ยากที่จะลบเลือน ลดความนิยม ทั้งที่ไม่มีผลร้าย ดังนั้น ไม่เห็นด้วยหากต้องการควบคุมคุณภาพไปใช้กฎหมายตัวอื่นแทน ไม่ใช่วัตถุอันตราย
