จี้รัฐบาลดูแลแรงงานหญิงไทย หลังยอดย้ายถิ่นพุ่ง ช่วงเศรษฐกิจทรุด พบไหลเข้าญี่ปุ่นปีละกว่า 2 พันคน ใช้วิธีแต่งงาน ตั้งท้องมีลูกเพื่อให้ได้วีซ่าถาวรทำงานตลอดชีพ เกิดปัญหาเด็กไร้สัญชาติ ไม่ได้เรียน สุดท้ายเป็นกรรมกร
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร และศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จัดสัมมนา เรื่อง “สิทธิหญิงไทยกรณีเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ” เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี การเสียชีวิตของ นางธีรนาถ กาญจนอักษร น.ส.จิราภรณ์ ฉิมพิมาย และ น.ส.บรรจงศิริ รัตนพจนารถ นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านสตรี แรงงาน จากอุบัติเหตุเครื่องบินที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2541
นางพัทยา เรือนแก้ว ประธานสมาคมธารา องค์กรเครือข่ายหญิงไทยในเยอรมนี และนักวิจัยอิสระ กล่าวว่า จากการวิจัยเชิงคุณภาพ เรื่องสิทธิหญิงไทยกรณีย้ายถิ่นแรงงานข้ามชาติ ศึกษากรณีหญิงไทยในประเทศเยอรมันและญี่ปุ่นกว่า 50 คน พบว่า 30 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หญิงไทยที่ไปเป็นแรงงานประเทศเยอรมนี และญี่ปุ่น เพิ่มมากขึ้นปีละ ประมาณ 2,000 คน ไม่รวมตัวเลขกลุ่มที่ลักลอบเข้าประเทศอีกจำนวนมาก โดยรูปแบบเข้าประเทศจะใช้วิธีการแต่งงานกับชาวต่างชาติ ทำให้ปัจจุบันเยอรมันมีหญิงไทยกว่า 50,000 คน ร้อยละ 80 อายุ 25-55 ปี ส่วนญี่ปุ่นมีหญิงไทยกว่า 30,000 คน
นางพัทยา กล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่เป็นหญิงไทยจากภาคอีสาน เหนือ และใต้ จบการศึกษาแค่ภาคบังคับ โดยเป็นหญิงไทย 3 กลุ่มหลัก คือ แม่ที่เลี้ยงลูกตามลำพัง หญิงบริการ และสาวโสดที่ต้องการยกฐานะทางสังคม มีแบบแผนย้ายถิ่นคล้ายๆ กัน คือ เป็นแรงงานที่ฮ่องกง มาเลเซีย หรือซาอุฯ และขยับไปต่อญี่ปุ่น และเยอรมนี ส่วนใหญ่ไปเพราะด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ วิกฤตครอบครัว ชีวิตคู่ สามีมีเมียน้อย เลี้ยงลูกคนเดียว วัฒนธรรมย้ายถิ่นแบบลูกโซ่ มีเครือข่ายนายหน้าย้ายถิ่น และตลาดหาคู่
โดยกระบวนการย้ายถิ่นจะมีระบบนายหน้า หรือบอส แม่แท็กซ์เรียกค่านายหน้าในการเดินทาง หรือญาติพี่น้อง เพื่อนำไปเป็นแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย และสำนักงานจัดหาคู่จับให้แต่งงานกับชาวญี่ปุ่น หรือเยอรมัน ผู้หญิงบางกลุ่มต้องจ้างคนญี่ปุ่นแต่งงานเพื่อให้ได้วีซ่า บางคนถึงกับตั้งท้องเพื่อให้มีลูกกับคนญี่ปุ่น เพื่อจะได้วีซ่าถาวรในการทำงาน ส่วนแรงงานที่ถูกค้ามนุษย์ลักษณะถูกนำไปขายบริการทางเพศ หญิงไทยยังถูกบังคับข่มขู่ทำร้ายให้ขายตัว หรือใช้วิธีการข่มขู่ว่าจะเอาไปขายเกาะซึ่งจะถูกทารุณรุนแรงกว่ามาก จนต้องยอมทำ
“ปัญหาที่พบ คือ มีเด็กเยาวชนไทยที่เป็นลูกติดแม่ถูกพาไปอยู่ญี่ปุ่นและเยอรมนีเพิ่มมากขึ้น เช่น ในญี่ปุ่นพบเด็กไทยอายุ 0-19 ปี ร้อยละ 10 เป็นลูกติดแม่ไป เด็กไทยไร้สัญชาติบางคนไปอยู่นานโดยไม่ได้รับสัญชาติ ไม่ได้เรียนหนังสือสุดท้ายก็ต้องเป็นแรงงานกรรมกร ไทยต้องสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้ มีแรงงานหญิงไทยวัยเกษียณที่ต้องการย้ายถิ่นกลับประเทศ ซึ่งปี 2550 แรงงานข้ามชาติทำเงินกลับประเทศถึง 30,000 ล้านบาท มากกว่ารายได้จากการส่งออกยางพารา เพชรพลอย ดังนั้นไทยต้องมีมาตรการดูแล เพราะขณะนี้การย้ายถิ่นแรงงานข้ามชาติกำลังเป็นแฟชั่น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้มีผลผลักดันให้หญิงไทยไปเป็นแรงงานข้ามชาติเพิ่มมากขึ้น แต่รัฐบาลไทยกลับแก้ปัญหาล่าช้า แก้แบบแฟชั่นบูมเป็นช่วงๆ ทำให้ปัญหาหมักหมมขยายพื้นที่มากขึ้น อยากให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานเจ้าภาพหลักระหว่างกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เอ็นจีโอ เพื่อดูแล หรือเตรียมความพร้อมในการทำงานให้”นักวิจัยอิสระ กล่าว
ด้าน นางพัชรี แนวพาณิช ผู้แทนสำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า จากการทำงานพบเอเย่นต์นายหน้าบางคนทำงานตั้งแต่อายุ16 ปี ถึง 60 ปี ยังทำอยู่และหลอกลวงหญิงไทยไปค้าประเวณีแล้วจำนวนหลายพันหลายหมื่นคน มีเครือข่ายเทคโนโลยีสูง ผู้กระบวนการหลายระดับ ที่มีประสบการณ์ลักลอบซิกแซกเข้าประเทศต่างๆ ได้หมด โดยจะหลอกเด็กตามขนส่งหมอชิต ศูนย์การค้า แหล่งงาน พบใช้วิธีการมอมยาเด็กหญิงเข้าประเทศมาเลเซียจำนวนมาก และแก้ปัญหายาก หรือหากเด็กเต็มใจไป จะเป็นกลุ่มด้อยการศึกษา จิตใจเปราะบาง ครอบครัวไม่อบอุ่น ถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมบริโภคนิยม ค่านิยมฉาบฉวย เลียนแบบผิดๆ เด็กถูกแสวงประโยชน์สูงมาก คนที่เดินทางไปต่างประเทศตรวจลึกๆ พบว่ามีหนี้ทุกคน ทั้งหนี้กองทุนหมู่บ้าน หนี้นอกระบบ หนี้ธกส. หรือมีภาระทางบ้านต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงพ่อแม่ ผู้หญิงและเด็กบางคนเจอเหตุการณ์ทารุณจากการถูกล่อลวงไปขายบริการทางเพศ หากไม่ตาย ก็ติดเชื้อเอดส์เหมือนตายทั้งเป็น บางคนเสียสติ ถึงเวลาหาทางแก้ปัญหาทั้งระบบ
นางศิริพร สะโครบาเนค ประธานมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า หญิงไทยถูกใช้เป็นแรงงานข้ามชาติแพร่หลายมาก จนเป็นการค้าหญิงข้ามชาติ หญิงไทยตกอยู่ในสภาพเลวร้าย บางคนถูกใช้เป็นเครื่องมือลักลอบขนยาเสพติด เพชรพลอย จึงเป็นปัญหาร่วมกันที่ไทยน่าจะทำข้อตกลงกับญี่ปุ่น เยอรมัน หรือประเทศที่คนไทยอยู่จำนวนมาก ในการปกป้องคนไทย ขณะนี้รัฐบาลเกาหลียังมีมาตรการดูแลกรณีผู้ชายเกาหลีแต่งกับหญิงต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยมีกลไกดูแลผู้หญิงที่ถูกทำร้ายทุบตีแล้ว อย่างไรก็ตามหญิงไทยยังมีปัญหาเรื่องสิทธิหย่าร้าง สิทธิเลี้ยงลูก มีภรรยาคนหนึ่งถูกสามีต่างชาตินำมาปล่อยทิ้งไว้สนามบินดอนเมืองภรรยาไม่รู้จะไปไหน และทำให้ไม่มีสิทธิดูแลลูก นอกจากนั้นยังมีปัญหาสาวประเภทสองแต่งงานกับชายเยอรมันก็มีปัญหาด้วย รัฐน่าจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้โดยเร็ว