“สุเมธ” จัดการผังเมือง กทม.เข้มงวดรถทัวร์สนามหลวง-รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เหตุบดบังทัศนียภาพ ห่วงพระแก้วมรกต พร้อมแย้มปรับปรุงทางน้ำฝั่งธนฯ ก่อนเน่าหนัก เผย จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญศึกษาผลทั้งสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยว และน้ำท่วม
นายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม กล่าวถึงกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาคุณวุฒิด้านการวางแผนผังเมือง กทม.ว่า ตนได้หารือกับอาจารย์มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเห็นร่วมกันว่า การการพัฒนาเมือง กทม.ควรจะดึงออกมาเฉพาะพื้นที่โดยจัดทำเป็นโครงการพิเศษเน้นหนักด้านการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ และการท่องเที่ยว เช่น การพัฒนาเมืองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งตนกำลังเสนอที่จะดึงออกมาเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพราะนับวันจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จำนวนรถทัวร์นำนักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และเมื่อมีปริมาณรถเข้ามาพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์มากขึ้นกว่า 100 คัน ก็ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งแรงสั่นสะเทือนของรถเหล่านี้หนักมาก และทำให้โบราณสถานสำคัญเสียหายได้ ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วโดยเมื่อหลายปีก่อนพระศอของพระนอนในวัดโพธิ์ มีรอยร้าวจนกรมศิลป์ต้องเอาสว่านยักษ์เจาะที่พระเศียรเพื่อตอกเหล็กให้ถึงพระศอเพื่อบูรณะให้มีสภาพดังเดิม ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว เพราะพระแก้วมรกต ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดพระแก้ว ภายในพระบรมราชวัง ถือเป็นหัวใจของคนไทยทั้งชาติ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของโลกจะต้องคงอยู่กับคนไทยสืบไป
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า พื้นที่บริเวณสนามหลวง และพื้นที่ตั้งแต่ท่าน้ำแม่น้ำเจ้าพระยารอบๆ เกาะรัตนโกสินทร์ กลายเป็นพื้นที่จอดรถไปหมดแล้ว ไม่ใช่พื้นที่สีเขียว ดังนั้น จึงต้องลดความจำเป็นของการจอดรถในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ โดยอาศัยการบริการจัดการระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพผนวกกับวิธีการทางผังเมืองเข้าแก้ไขเพื่อไม่ให้มีการบดบังทัศนียภาพที่สวยงามของโบราณสถานต่างๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์ และที่สำคัญเจ้าของที่ดินซึ่งส่วนใหญ่เป็นของหน่วยงานราชการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กองทัพเรือต้องให้ความร่วมมือในการพัฒนาเมืองใหม่ด้วย
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า นอกจากโครงการพิเศษพัฒนาเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว ยังมีโครงการพิเศษอื่นๆ อีก อาทิ การปรับปรุงเครือข่ายทางน้ำฝั่งธนฯ เพราะขณะนี้ได้กลายเป็นเมืองเน่าไปแล้ว ตลาดน้ำวัดไทรก็ถูกทำลาย เพราะมีสิ่งกีดขวางในการสัญจรอยู่ มีกำแพงคอนกรีตที่น่าเกลียด จึงทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว มูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นศูนย์ ที่สำคัญ ชุมชนถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองจำเป็นต้องจ้างเอาต์ซอร์สอย่างสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาทำการศึกษาโดยจะต้องศึกษาทั้งสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ตลอดจนการป้องกันน้ำท่วมและทำอย่างไรที่จะอยู่กับน้ำท่วมได้ซึ่งเป็นวิถีชีวิตสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของคนไทยภาคกลาง โดยจะต้องนำภูมิปัญญามาใช้ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
