รมช.ศธ.ปรับระเบียบวิธีกู้ ใครทำสัญญาเสร็จก่อนได้เงินก่อน ลดปัญหาเด็กได้รับเงินล่าช้า ยืดชำระหนี้จาก 15 ปี เป็น 20 ปี บี้ กยศ.ควักเงิน 1 หมื่นล้าน นำผลประชุมเสนอ รมว.ศธ.-รมว.คลัง เพื่อเสนอ ครม.เป็นวาระจร พรุ่งนี้
วันนี้ (27 ม.ค.) น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมร่วมกับ นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้บริหาร เพื่อหารือกันเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของ กยศ.โดยต่อไปจะติดตามเรื่องการความล่าช้าการจ่ายเงินให้ผู้กู้ ซึ่งที่ประชุมมีมติว่า จะมีการพิจารณาเด็กเป็นรายบุคคล จากเดิมต้องรอเป็นรายกลุ่มทำให้เกิดความล่าช้า หากใครทำสัญญาเสร็จก่อนจะได้รับการอนุมัติเงินก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับ กยศ.จะให้ความรู้เกี่ยวกับการกรอกเอกสาร ตรวจสัญญา เพื่อให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะขยายการชำระหนี้จาก 15 ปี เป็น 20 ปี เพื่อให้เด็กมาชำระหนี้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ให้ ศธ.และ กยศ.พยายามจัดหางานให้เด็กทำ โดยให้เด็กแจ้งความประสงค์มายัง ศธ.หรือ กยศ.
“เราจะรณรงค์ให้เด็กมาชำระเงินคืนกองทุน ตามโครงการคืนเงินให้น้อง เพราะ กยศ.ใช้เงินถึง 500 ล้านบาท ใช้ในการท้วงหนี้ ที่มีเด็กครบกำหนดชำระแล้วไม่มาชำระเงินคืนกองทุน เหตุผลที่เรารณรงค์ให้เด็กมาชำระคืน เพราะจะได้นำเงินเหล่านี้มาให้รุ่นน้องกู้ต่อไป”
นางสาวนริศรา กล่าวต่อว่า ปีงบประมาณ 2552 กยศ.รัฐจัดสรรให้ 2.6 หมื่นล้านบาท ขอเพิ่มจากกองทุน กยศ.1 หมื่นล้าน รวมเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้จะสามารถปล่อยให้ผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ ประมาณ 9.1 แสนราย ทั้งนี้ ผลการประชุมตนจะนำไปรายงานให้ รมว.คลัง และ รมว.ศธ.ทราบ หากทันจะได้นำเข้า ครม.เป็นวาระจรพรุ่งนี้
วันนี้ (27 ม.ค.) น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมร่วมกับ นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้บริหาร เพื่อหารือกันเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของ กยศ.โดยต่อไปจะติดตามเรื่องการความล่าช้าการจ่ายเงินให้ผู้กู้ ซึ่งที่ประชุมมีมติว่า จะมีการพิจารณาเด็กเป็นรายบุคคล จากเดิมต้องรอเป็นรายกลุ่มทำให้เกิดความล่าช้า หากใครทำสัญญาเสร็จก่อนจะได้รับการอนุมัติเงินก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับ กยศ.จะให้ความรู้เกี่ยวกับการกรอกเอกสาร ตรวจสัญญา เพื่อให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะขยายการชำระหนี้จาก 15 ปี เป็น 20 ปี เพื่อให้เด็กมาชำระหนี้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ให้ ศธ.และ กยศ.พยายามจัดหางานให้เด็กทำ โดยให้เด็กแจ้งความประสงค์มายัง ศธ.หรือ กยศ.
“เราจะรณรงค์ให้เด็กมาชำระเงินคืนกองทุน ตามโครงการคืนเงินให้น้อง เพราะ กยศ.ใช้เงินถึง 500 ล้านบาท ใช้ในการท้วงหนี้ ที่มีเด็กครบกำหนดชำระแล้วไม่มาชำระเงินคืนกองทุน เหตุผลที่เรารณรงค์ให้เด็กมาชำระคืน เพราะจะได้นำเงินเหล่านี้มาให้รุ่นน้องกู้ต่อไป”
นางสาวนริศรา กล่าวต่อว่า ปีงบประมาณ 2552 กยศ.รัฐจัดสรรให้ 2.6 หมื่นล้านบาท ขอเพิ่มจากกองทุน กยศ.1 หมื่นล้าน รวมเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้จะสามารถปล่อยให้ผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ ประมาณ 9.1 แสนราย ทั้งนี้ ผลการประชุมตนจะนำไปรายงานให้ รมว.คลัง และ รมว.ศธ.ทราบ หากทันจะได้นำเข้า ครม.เป็นวาระจรพรุ่งนี้
