xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” เล็งยุบ กยศ.-กรอ.เป็นกองเดียว เปิดกว้างนศ.ปี2-4 มีสิทธิกู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อู๊ดด้า” เล็งยุบ 2 กองทุนให้เหลือ 1 กองทุน เตรียมให้เด็กที่ครอบครัวมีรายได้ 2 แสนแต่ไม่เกิน 3 แสน รวมถึงเด็กให้ที่กำลังเรียนอยู่ปี 2-4 มีสิทธิกู้ เพราะกองทุนมีเงินหมุนเวียน 4.9 หมื่นล้าน จี้ สพฐ. สอศ. สกอ. ส่งครูแนะแนวไปจูงใจให้เด็กเรียนสาขาขาดแคลน สายอาชีพ เพราะจบแล้วได้งานทำ เด็กจะได้คืนเงินกองทุน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุม 5 องค์กรหลักว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) นำมาบริหารรวมกันเป็น 1 กองทุน เพื่อให้เด็กที่ยากจนหรือครอบครัวมีรายได้ต่ำกว่า 2 แสนบาท และเลือกเรียนสาขาที่ขาดแคลนมีสิทธิกู้ก่อน พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะขยายให้เด็กที่ครอบครัวที่มีรายได้ 2.5 แสนบาท และ 3 แสนบาทมีสิทธิกู้กองทุนด้วย

ขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และกองทุน กยศ.ไปหาข้อสรุปร่วมกัน เหตุผลที่จะขยายให้เด็กที่ครอบครัวมีรายได้ 2.5 แสนบาท และ 3 แสนบาท ตลอดจนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ปี 2 ถึงปี 4 มีสิทธิกู้เงินนั้น เนื่องจากกองทุนยังมีเงินเหลือจำนวนมาก ซึ่งในปี 2552 กองทุนมีวงเงินให้กู้ 2.8 หมื่นล้านบาท และกองทุนยังมีเงินเหลืออยู่อีก 2.2 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 หมื่นล้านบาท และในจำนวนดังกล่าวจะจ่ายเป็นเงินเดือน และค่าบริหารจัดการปีละ 1 พันล้านบาท ฉะนั้นกองทุนจะมีเงินเหลือเพื่อบริหารจัดการ 4.9 หมื่นล้านบาท

“เมื่อปี 2551 กองทุนปล่อยให้นักเรียน นักศึกษา กู้ไปประมาณ 2.6 หมื่นบาท จึงมีเงินเหลืออยู่จำนวนมาก ควรมีการขยายให้ครอบครัวที่มีรายได้มากกว่า 2 แสนบาทถึง 3 แสนบาท มีสิทธิกู้กองทุน พร้อมกันนี้เห็นควรให้นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ปี 2 ถึง ปี 4 มีสิทธิกู้กองทุน ตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์แก่เด็ก”

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และเด็กเรียนจบแล้วไม่ตกงาน ขณะนี้ได้มอบหมายให้ สพฐ. สอศ. และ สกอ. จัดครูแนะแนว เพื่อให้คำปรึกษานักเรียน นักศึกษา ว่าควรเรียนต่อสาขาใดบ้าง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เมื่อเด็กเรียนสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการ เด็กเรียนจบก็มีงานทำ พอมีงานเขาก็คืนเงินให้กับกองทุน วิธีนี้จะไม่เป็นผลิตเด็กเข้าสู่ตลาดแรงงานแบบไม่สูญเปล่า

“ปัจจุบันเด็กจะเลือกเรียนสายสามัญ ร้อยละ 60 เรียนสายอาชีพ ร้อยละ 40 พบว่าเด็กเรียนสายสามัญเรียนจบแล้วตกงานมากกว่าเรียนสายอาชีพ ด้วยเหตุนี้เห็นควรให้ครูแนะแนวไปจูงใจให้เด็กหันมาเรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น อย่างน้อยให้มีสัดส่วน 50 ต่อ 50”

กำลังโหลดความคิดเห็น