เบรก “จุรินทร์” ดัน กศน.เป็นองค์กรหลัก เหตุ “ข้าราชการ-งบ” มีน้อย

ปลัด ศธ.เตรียมแจง “จุรินทร์” กศน.ยังไม่พร้อมตั้งเป็นองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาฯ ระบุ ฐานปฏิบัติอยู่ที่ กศน.อำเภอ ขณะที่แต่ละอำเภอมีข้าราชการอยู่เพียง 1-3 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเพียงครูอัตราจ้างทำให้ขาดเสถียรภาพ แถมงบประมาณยังได้น้อยเมื่อเทียบกับภารกิจที่ต้องทำ ชี้ ต้องปรับทั้งสองส่วนหากคิดจะตั้งเป็นองค์กรหลัก

นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายผลักดันสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เป็นองค์กรหลักที่ 6 ในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ถือเป็นนโยบายที่ดี และเป็นความตั้งใจของ รมว.ศึกษาธิการ ที่ให้ความสำคัญแก่การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับคนไทย แต่การจัดตั้งองค์กรหลักขึ้นใหม่นั้น จะต้องดำเนินงานเป็นขั้นตอนคงไม่สามารถทำได้ทันที และต้องดูฐานความพร้อมของหน่วยงานก่อน ซึ่ง กศน.ตั้งอยู่บนฐานที่ติดลบ ทั้งในเรื่องอัตรากำลัง และงบประมาณ ทั้ง 2 ส่วนนี้ปัจจัยพื้นฐานของการพิจารณาว่าหน่วยงานมีความพร้อมแค่ไหน มีจุดแข็งอะไร หรือต้องเสริมความพร้อมอย่างไร จึงจะสามารถยืนอยู่ได้บนลำแข้งของตัวเองได้อย่างเต็มที่และมั่นคง

“งานของ กศน.เป็นงานที่ลงถึงระดับรากหญ้า ซึ่งผมสนับสนุน กศน.มาโดยตลอด แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติผมมองว่า ขณะนี้ถ้าดูในเบื้องต้น กศน.ยังไม่แข็งแรงพอ เพราะยังมีความจำกัดในเชิงทรัพยากรอยู่มาก เช่น ในเรื่องอัตรากำลัง ซึ่ง กศน.ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ กศน.อำเภอ แต่ใน กศน.อำเภอกลับมีบุคลากรที่เป็นข้าราชการอย่างต่ำประมาณ 1-3 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งหากหน่วยงานที่เป็นองค์กรหลักมีอัตราจ้างจำนวนมากจะทำให้ภารกิจไม่มีเสถียรภาพ ส่วนเรื่องงบประมาณก็ยังได้รับน้อยเมื่อเทียบกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยในปีงบประมาณ 2552 กศน.จะต้องยกระดับการศึกษาของประชาชนวัยแรงงานอายุ 15-59 ปี ให้สูงขึ้น เพื่อทำให้การศึกษาเฉลี่ยของคนไทยเป็น 9.5 ปีขึ้นไป และ เมื่อคำนวณดูแล้ว กศน.ต้องจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนที่อยู่นอกระบบให้มีการศึกษาเทียบเท่าการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ได้ปีละประมาณ 2 ล้านกว่าคน แต่งบประมาณที่ได้รับยังคงเท่ากับตอนที่ กศน.มีภารกิจจัดการศึกษาให้ผู้อยู่นอกระบบปีละ 1 ล้านคน” ปลัด ศธ.กล่าว

ปลัด ศธ.กล่าวด้วยว่า การตั้ง กศน.เป็นองค์กรหลักอีกองค์กรหนึ่ง อาจต้องเริ่มดูในส่วนดังกล่าวก่อน เพื่อให้มีความเข้มแข็งในการปฏิบัติภารกิจปัจจุบัน และพร้อมที่จะกล่าวไปสู่ภารกิจใหม่ที่กว้างขวางมากขึ้น และถ้าถึงจุดนั้นได้เมื่อไหร่การที่จะตั้งเป็นองค์กรหลักขึ้นมาก็น่าจะเป็นไปได้สูง ส่วนจะใช้เวลานานหรือไม่ก็นั้นขึ้นอยู่กับนโยบาย ถ้านโยบายเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญก็คงจะช่วยผลักดันให้มีความพร้อมโดยเร็ว และเมื่อมีความพร้อมแล้วขั้นต่อไปคือคงไปดูเรื่องกฎหมายและแนวปฏิบัติ ทั้งนี้ ตนจะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อ รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป