เผย คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซานติก้าผับของ กทม.ห่วงทูตประเทศต่างๆ รับไม่ได้ หากผลสอบออกมาเอาผิดกับเจ้าของผับนรกไม่ได้ในกรณีเรื่องมาตรการรองรับอัคคีภัย เหตุไม่ใช่อาคารใหญ่ ขณะเดียวกัน ได้เรียกหัวหน้าฝ่ายโยธาสอบรายแรก วันนี้
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีสมาคมวิชาชีพด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ที่ตรวจสอบซานติก้า ผับ และได้ชี้จุดไม่ปลอดภัย 23 แห่ง ว่า ขณะนี้ กทม.ได้ร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และตำรวจ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งตำรวจจะดูและด้านคดี กระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย และ กทม.จะดูแลเรื่องความปลอดภัย ส่วนหนังสือร้องเรียนจากสมาคมวิชาชีพที่เรียกร้องให้เขตวัฒนามีส่วนรับผิดชอบนั้น คาดว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ แต่ตนยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกำลังเร่งตรวจสอบอยู่ หากผลออกมาอย่างไรก็พร้อมที่จะแจ้งให้ทราบ ขณะเดียวกัน ตนได้ทำหนังสือรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเอกสารอาคารไปยังกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารซานติก้า ผับ เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้ประชุมเพื่อพิจารณาที่จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยคณะกรรมการจะประชุมนัดที่ 2 ในวันศุกร์นี้ (9 ม.ค.) และได้เชิญ นายประกิต สัตยาอภิธาน หัวหน้าฝ่ายโยธา เขตวัฒนา มาให้ข้อมูล เป็นรายแรก ทั้งนี้ คณะกรรมการจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการอาคาร ว่า ที่ผ่านมา มีการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่เปลี่ยนประเภทการใช้งาน เพราะแต่เดิมมีการขออนุญาตเป็นบ้านพักอาศัยแต่สุดท้ายเปลี่ยนเป็นสถานบันเทิง ซึ่งคณะกรรมการจะต้องพิจารณาว่าเป็นความบกพร่องของฝ่ายใด
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนที่สมาคมวิชาชีพฯ ระบุว่า ซานติก้า ผับ มีจุดไม่ปลอดภัยถึง 23 แห่งนั้น ยอมรับว่า หากพิจารณาตามกฎหมายแล้ว คงไม่ถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เพราะ ซานติก้า ผับ เป็นอาคารขนาดเล็ก ไม่ใช่อาคารสูง หรืออาคารใหญ่พิเศษ ที่ต้องมีทางหนีไฟ หรือประตูทางออก ตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีความเป็นไปได้ว่าผลสอบที่ออกมาอาจจะไม่สามารถเอาผิดกับผู้ประกอบการได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคงต้องพิจารณากันให้ละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เพราะหากผลการสอบสวนออกมาในลักษณะดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้คงจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน