xs
xsm
sm
md
lg

กรมวิทย์ยันผักคาวตอง ไม่เพิ่มภูมิคุ้มกันเอดส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองอธิบดีกรมวิทย์ฯ ยันไวน์ผักคาวตอง ยังไม่มีงานวิจัยรองรับ ว่าเพิ่มภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยเอดส์ ชี้แค่เพิ่มเม็ดเลือดขาวในหนูทดลองเท่านั้น ไม่แนะนำให้นำผักคาวตองมาต้มแบบยา แต่กินเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริกดีกว่า

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับไวน์ที่มีส่วนผสมของผักคาวตอง โดยอ้างสรรพคุณผักคาวตองว่า มีฤทธิ์ในการเพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวนั้นว่า จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองของหนูทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันว่ามีผลในการเพิ่มการแบ่งตัวของเม็ดเลือดขาวในผู้ป่วยโรคเอดส์ เพื่อให้มีภูมิต้านทานของร่างกายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

“เท่าที่ทบทวนดูงานวิจัยต่างๆพบว่า มีเพียงข้อมูลว่าได้ผลต่อการเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวในหนูทดลองเท่านั้น แต่ยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ว่าช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวแต่อย่างใด ทั้งนี้ไม่แนะนำให้นำผักคาวตองมาต้มเป็นยา หรือกินในปริมาณมากแบบยา เพราะยังไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบหรือพิษของผักคาวตองว่าหากรับประทานในปริมาณมากจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย จึงแนะนำให้ทานแบบพืชผักทั่วไปที่นำมาลวกจิ้มกินกับน้ำพริก เป็นอาหารทั่วไปจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า”นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ส่วนที่บริษัทเอกชนนำผักคาวตองมาผลิตเป็นไวน์และได้รับการจดสิทธิบัตรนั้น คงเป็นการขึ้นทะเบียนสูตรของไวน์ ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนในสูตรของยา ซึ่งในเรื่องของสรรพคุณของสมุนไพรนั้นจำเป็นต้องมีการศึกษาในรายละเอียดอีกมาก หากภาคเอกชนจะดำเนินการนำไปต่อยอดในการวิจัยนำไปผลิตเป็นยาสำหรับเพิ่มเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยเอดส์ให้มีภูมิต้านทานของร่างกายเพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก

“เราไม่ได้ต่อต้านการนำสมุนไพรมาวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ แต่กรมวิทยาศาสตร์ก็ต้องทำหน้าที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้ที่มีอยู่ให้สาธารณชนทราบ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้บอกว่าควรหรือไม่ควรบริโภคผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเหล่านั้น รวมถึงไวน์ หรือไม่ได้แนะนำให้บริโภคปริมาณมากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการวิจัยพิสูจน์ยืนยัน ทั้งนี้ หากเป็นการวิจัยที่ไม่ทำให้ผู้ป่วยเอดส์เสียเงินเพิ่มเติม ไม่ทำให้อาการป่วยแย่ลง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคที่ยังไม่มีทางรักษา”นพ.สุวรรณ ชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น