xs
xsm
sm
md
lg

หนังสือนิทานภาพ สื่อวิถี 'พอเพียง' เสริมสมอง-หลอมเด็กไทยรักการอ่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครูเล็ก ธนพร บุญยัง กำลังอ่าน-นักเรียนฟัง ร่วมกันบูรณาการ
"Brain based Learning หรือ BBL เป็นการนำองค์ความรู้เรื่องสมองและการทำงานของสมองมาใช้ในการจัดกระบวนการให้เกิดการเรียนรู้ ได้แก่ จัดกิจกรรมระหว่างผู้สอนและผู้เรียน การจัดสิ่งแวดล้อม การออกแบบ และการใช้เครื่องมือ หรือสื่อการเรียนรู้ให้เด็กสนใจ และอยากเรียนร่วม เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองของเด็กแต่ละช่วงวัย" นี่คือคำพูดของ ดร.อรพินท์ สพโชคชัย ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพ และนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) ที่บอกถึงความสำคัญของการเรียนรู้แบบ BBL หรือ Brain-based Learning

ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะด้านสมองของเด็ก ด้วยการผลิตสื่อนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ เพื่อชีวิตตามปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง ช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) ขึ้นจำนวน 36,000 เล่ม แจกสถานศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษาในสังกัดของ สพฐ.ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาและสร้างทักษะชีวิตแบบบูรณาการระหว่างครู และนักเรียน ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กไทย และนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเข้าใจ

นายวินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขา สพฐ.) เล่าถึงแนวคิดหลักของสื่อนวัตกรรมฯ ชิ้นนี้ ว่า เป็นสื่อที่ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม รักความเป็นไทย มีสุขนิสัยรักการออม ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างชาญฉลาด ตามรอยวิถีเศรษฐกิจพอเพียง มีรูปแบบการนำเสนอเป็นนิทานภาพ สร้างจิตนาการ และกระตุ้นพัฒนาการสมอง หรือ Brain-based Learning (BBL) ระหว่างครูกับเด็ก

"หนังสือเศรษฐกิจพอเพียงส่วนใหญ่มักออกแนววิชาการ เข้าใจยาก สื่อชุดนี้จึงเสนอความแตกต่างด้วยการเล่าเรื่องเป็นนิทานภาพ เพิ่มจิตนาการให้เด็กเข้าใจ และเห็นภาพวิถีพอเพียง มีทั้งหมด 9 เล่ม รวมคู่มือจัดกิจกรรมของครูอีก 1 เล่ม ไว้เป็นแนวการสอนสำหรับครูรุ่นใหม่ นำไปบูรณาการเข้ากับกลุ่มสาระฯ เช่น ภาษาไทย อังกฤษ คณิต ศิลปะ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กสนุก บนพื้นฐานความเข้าใจ และนำไปใช้ได้จริง คาดว่าชุดหน้าจะเป็นชุดของภาษา และวัฒนธรรมไทย" รองเลขา สพฐ.กล่าว

หนังสือนิทานภาพ 9 เล่ม ประกอบด้วย เพื่อนรักจากต่างดาว ตอนโลกร้อน สอนให้เยาวชนตระหนักถึงภัยของภาวะโลกร้อน และเกิดจิตสำนึกที่จะช่วยลดสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน การเดินทางของข้าวเปลือก สอนให้รู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และกินอาหารพอประมาณ ความฝันของชะเอม สอนให้รู้จักประหยัด พอเพียง มีวินัยในการใช้จ่าย วงล้อปริศนา สอนให้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ทในการหาข้อมูลอย่างชาญฉลาด เด็กหญิงแก้มใสกับไร่ผัก สอนให้รู้จักแบ่งปัน ใช่จ่ายอย่างสมฐานะ และอดออม

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ยิ้มของหนูดี กระต่ายสามพี่น้อง เมืองขวานทอง และ เรื่องหนูแป้งแปลงขุมทรัพย์ ที่นำเสนอเรื่องราว และภาพอย่างสอดคล้อง แฝงแง่คิดทางอ้อม รวมถึงใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับเด็กและผู้ปกครอง

หนังสือนิทานภาพทั้ง 9 เล่ม ได้กระจายไปตามโรงเรียนในสังกัดของสพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนวัดอมรินทราราม กทม. เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่มีการนำสื่อนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ชุดนี้ ไปใช้สอน และจัดกิจกรรมให้กับนักเรียน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

"ครูเล็ก" หรือ ธนพร บุญยัง อายุ 59 ปี อาจารย์ประจำกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวัดอมรินทราราม กทม. เล่าให้ฟังว่า หนังสือนิทานภาพถือเป็นสื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจมาก ดึงดูดความใคร่รู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี สอดรับกับนโยบายรักการอ่านของทางโรงเรียน รวมทั้งเป็นหนังสือเสริมเพิ่มทักษะให้กับเด็ก เช่น สร้างความเข้าใจในความหมายของคำ การแตกคำจากเรื่อง รวมถึงเป็นชุดการเรียนรู้ที่แตกต่าง เพราะมีคู่มือสำหรับครู ไว้ใช้เป็นแนวทางการสอน และจัดกิจกรรมบูรณาการให้กับเด็ก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อครูรุ่นใหม่

"เป็นหนังสือที่ดีมาก เอามาใช้วันแรกเด็กวิ่งกรูเข้ามาขออ่าน เพราะมีรูปเล่ม ภาพประกอบและเนื้อหาน่าสนใจ ดึงดูดเด็กรักการอ่าน การเดินเรื่องเข้าใจง่าย อ่านแล้วเห็นภาพ ที่สำคัญมีคู่มือครู เพื่อเป็นแนวการสอน และนำไปจัดกิจกรรมให้กับเด็กได้เกิดความสนุกผสมกับความรู้ เช่น สอนเรื่องการเดินทางของข้าวเปลือก ก็จะให้เด็กอ่าน และออกมาเล่าสิ่งที่ได้ จากนั้นจัดกิจกรรมให้เด็กทำ เช่น หาคำศัพท์จากเรื่อง ฝึกเพิ่มคำ หรือมีการเขียนคำคล้องจอง" ครูเล็กเล่าถึงประโยชน์ของหนังสือนิทานภาพ

นอกจากนี้ ครูเล็ก ได้สะท้อนถึงตลาดหนังสือเด็กในปัจจุบัน ว่า หนังสือเด็กยังมีราคาแพงมาก สร้างความหนักใจให้กับผู้ปกครองในการซื้อหนังสือให้ลูกอ่าน เพราะบางครอบครัวไม่ค่อยมีทุนทรัพย์มากเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องจำยอมลงทุนซื้อ เพื่อแลกกับการเรียนรู้ของลูก ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้เด็กไทยมีค่าเฉลี่ยในการอ่านหนังสือต่อวันน้อยลง จึงอยากฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง จัดทำหนังสือเด็กให้มีราคาถูก

ด้าน "น้องภูมิ" หรือ ภูมิพัทร์ กีรติวิทโยฬส อายุ 9 ปี ชั้น ป.3 โรงเรียนวัดอมรินทราราม หนอนหนังสือตัวยงประจำห้อง ว่าที่นักวิทยาศาสตร์น้อยในอนาคต เล่าว่า ดีใจมากที่ทางโรงเรียนนำสื่อนวัตกรรมฯ ชุดนี้ มาสอนในห้องเรียน เพราะเป็นหนังสือที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย มีภาพ และเนื้อเรื่องที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะเรื่องความฝันของชะเอมที่อ่านแล้วได้แง่คิดเกี่ยวกับการประหยัด รู้จักออม ทั้งออมเงิน และออมชีวิต นั่นคือการอยู่อย่างเพียงพอ และพอเพียงนั่นเอง ในวันธรรมดา และวันหยุด ภูมิจะอ่านหนังสือกับพ่อ อย่างน้อยวันละ 1-2 เล่ม เช่น หนังสือพิมพ์ ความรู้ทั่วไป อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ ทุกคน หันมารักการอ่าน เพราะสิ่งที่อ่าน จะเป็นอาวุธติดตัวเราในอนาคต ถ้าไม่อ่าน เราจะไม่รู้อะไรเลย
วินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
หนังสือนิทานภาพ คู่มือบูรณาการ สร้างกระบวนการครูกับเด็ก หลอมเด็กไทยให้รักการอ่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น