กมว.เผย ศาลอาญาเชือดครูปลอมวุฒิ 2 ข้อหา จำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่น แต่ครูไม่เคยทำความผิดศาลจึงให้รอลงอาญา 4 ปี ควบคุมความประพฤติ 2 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 50 ชั่วโมง
นายธนารัชต์ สมคเณ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คุรุสภา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ว่า เนื่องจากมีครูอัตราจ้างของโรงเรียนชื่อดังประจำอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ทำเรื่องขออนุญาตใบประกอบวิชาชีพ ผ่านทางโรงเรียน ทางคุรุสภา ได้ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลาต่อมาทางคณะกรรมการโรงเรียน ได้ตรวจสอบวุฒิทางการศึกษาไปยังมหาวิทยาลัยที่ครูอัตราจ้างอ้างว่าจบการศึกษามา พบว่า ใช้วุฒิการศึกษาปลอมมาสมัคร จึงแจ้งมายังคุรุสภาเพื่อดำเนินการ ทางที่ประชุมคุรุสภา ได้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายกับครูที่นำเอกสารเท็จมาสมัครเป็นครูนั้น ศาลอาญาได้ตัดสินคดีแล้วว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวมีความผิด 2 กระทง คือ 1.ปลอมแปลงเอกสาร และอ้างสถาบันการศึกษาที่จบ
ศาลอาญาตัดสินให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 265 และ 268 มีโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้รอลงอาญาเป็นเวลา 4 ปี ควบคุมความประพฤติ 2 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมเป็นเวลา 50 ชั่วโมง ซึ่งครูรายนี้เป็นรายแรกที่ถูกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และถูกศาลตัดสินให้จำคุก
“ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการมอบใบประกอบวิชาชีพครูไปแล้วกว่า 7-8 แสนราย แต่นับจากนี้ไปจะควบคุมและพัฒนา ถ้าหากมีบุคคลใดมาขอใบประกอบวิชาชีพ กมว.จะเช็กไปยังสถาบันการศึกษาที่ผู้ขอใบประกอบวิชาชีพระบุมา เพราะต้องการได้คนดีคนเก่งเข้ามาเป็นครูและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบอาชีพ”
นายธนารัชต์ กล่าวต่อว่า จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบคดีอื่นๆ เช่น คดีอนาจารเด็กนักเรียน คดีชู้สาว เสพสุราเป็นอาจิน เป็นต้น ระหว่างนี้มี 15 คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่ง กมว.จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว อีกทั้ง กมว.พร้อมเจ้าหน้าที่ของคุรุสภาจะลงพื้นที่ สุ่มตรวจตามสถานศึกษาทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ว่ามีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือไม่ หากพบว่ามีสถานศึกษาแห่งใดรับครูที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องมาปฏิบัติงานแล้ว จะถูกดำเนินการทางวินัย ในส่วนสถานศึกษาที่รับครูไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาสอน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนครู มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายธนารัชต์ สมคเณ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ คุรุสภา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ว่า เนื่องจากมีครูอัตราจ้างของโรงเรียนชื่อดังประจำอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ทำเรื่องขออนุญาตใบประกอบวิชาชีพ ผ่านทางโรงเรียน ทางคุรุสภา ได้ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลาต่อมาทางคณะกรรมการโรงเรียน ได้ตรวจสอบวุฒิทางการศึกษาไปยังมหาวิทยาลัยที่ครูอัตราจ้างอ้างว่าจบการศึกษามา พบว่า ใช้วุฒิการศึกษาปลอมมาสมัคร จึงแจ้งมายังคุรุสภาเพื่อดำเนินการ ทางที่ประชุมคุรุสภา ได้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายกับครูที่นำเอกสารเท็จมาสมัครเป็นครูนั้น ศาลอาญาได้ตัดสินคดีแล้วว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวมีความผิด 2 กระทง คือ 1.ปลอมแปลงเอกสาร และอ้างสถาบันการศึกษาที่จบ
ศาลอาญาตัดสินให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 265 และ 268 มีโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้รอลงอาญาเป็นเวลา 4 ปี ควบคุมความประพฤติ 2 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมเป็นเวลา 50 ชั่วโมง ซึ่งครูรายนี้เป็นรายแรกที่ถูกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และถูกศาลตัดสินให้จำคุก
“ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการมอบใบประกอบวิชาชีพครูไปแล้วกว่า 7-8 แสนราย แต่นับจากนี้ไปจะควบคุมและพัฒนา ถ้าหากมีบุคคลใดมาขอใบประกอบวิชาชีพ กมว.จะเช็กไปยังสถาบันการศึกษาที่ผู้ขอใบประกอบวิชาชีพระบุมา เพราะต้องการได้คนดีคนเก่งเข้ามาเป็นครูและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบอาชีพ”
นายธนารัชต์ กล่าวต่อว่า จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบคดีอื่นๆ เช่น คดีอนาจารเด็กนักเรียน คดีชู้สาว เสพสุราเป็นอาจิน เป็นต้น ระหว่างนี้มี 15 คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่ง กมว.จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว อีกทั้ง กมว.พร้อมเจ้าหน้าที่ของคุรุสภาจะลงพื้นที่ สุ่มตรวจตามสถานศึกษาทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ว่ามีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือไม่ หากพบว่ามีสถานศึกษาแห่งใดรับครูที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องมาปฏิบัติงานแล้ว จะถูกดำเนินการทางวินัย ในส่วนสถานศึกษาที่รับครูไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาสอน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนครู มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ