xs
xsm
sm
md
lg

พิมพ์ 84 ภาพจิตรกรรม “พระพี่นางฯ” 3 แสนเล่มแจก - นำดอกไม้ 84 ชนิดประดับพระเมรุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ศิลปินตัวแทนภาคใต้ กับภาพหัวข้อทรงพระเยาว์ ใช้เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ สื่อความถึงความรัก ความอบอุ่นที่รงได้รับจากสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จย่าเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ สะท้อนความผูกพันธ์ระหว่างพี่น้อง 3 พระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระโสทรเชษฐภคินี(พี่สาวของพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์) และความงดงามในวัยพระชันษาที่เปล่งปลั่ง





สศร.เร่งจัดพิมพ์หนังสือภาพที่ระลึกงานแจกประชาชนในงานพระเมรุ 3 แสนเล่ม เนื้อหาภาพพระประวัติ พระกรณียกิจ เล่าเรื่องด้วยศิลปิน 84 คน 84 ภาพ เผยเตรียมจัดแสดงภาพสัญจรภาพทุกภูมิภาค ระบุอาจใช้เวลานานเกือบสองปีก่อนจัดหาพื้นที่แสดงศิลปะถาวร ด้าน “ปรีชา เถาทอง” ศิลปินชั้นเยี่ยมชี้ เป็นงานทัศนศิลป์ที่ต้องจารึก

วันนี้(27 ต.ค.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดการแถลงข่าวโครงการศิลปกรรม พระประวัติ และพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยนำผลงานศิลปกรรมเล่าเรื่องพระประวัติและพระกรณียกิจตัวอย่าง จำนวน 20 ภาพ จาก 84 ศิลปิน มาแสดงก่อนจะนำไปจัดนิทรรศการผลงาน ณ อาคารมณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 18-30 พฤศจิกายน 2551
พรชัย ใจมา ศิลปินตัวแทนภาคเหนือ กับภาพพระกรณียกิจ ใช้เทคนิคสีอะคริลิกบนผ้าใบ สื่อสารถึงพระกรณียกิจต่างๆที่ทรงเกื้อกูลแก่ประเทศชาติและประชาชนด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา แพทย์ สาธารณสุข ศิลปวัฒนธรรม การสังคมสังเคราะห์ โดยสื่อสารผ่านพระนามย่อของพระองค์โดยเน้นภาพที่มีชีวิตของปวงชนชาวไทยสื่อแทนความหมายทั้งหมด
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า โครงการนี้จัดทำขี้นเพื่อเผยแพร่พระประวัติ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยใช้ภาพศิลปกรรมซึ่งถือว่าเป็นสื่อสากลที่สามารถสื่อสารให้ประชาชนไทยและต่างประเทศเข้าใจร่วมกันได้ทั่วโลก ซึ่งนิทรรศการผลงานทั้ง 84 ภาพได้จากการคัดเลือกศิลปินทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

“นอกเหนือจากการนำผลงานศิลปกรรมทั้งหมดไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมแล้ว สศร.ยังจะนำผลงานทั้งหมดไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือศิลปกรรมพระราชประวัติและพระกรณียกิจพระพี่นางฯ ด้วย”
ธีระวัฒน์ คะนะมะ กับภาพผลงานชื่อ พระชันษาสูง 1 ใน 4 ภาพใหญ่ที่ติดตั้งแสดงบริเวณรั้วราชวัตร ใช้เทคนิคสีอะคริลิกบนผ้าใบ เป็นภาพที่รวมความทรงจำที่ได้ไปสักการะพระศพ เพื่อน้อมรำลึกส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย โดยมีภาพเล็กซึ่งทรงฉายกับท่านผู้หญิงทัศนาวลัย พระธิดาด้วย
ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า สศร.ดำเนินการเร่งผลิตหนังสือศิลปกรรมพระราชประวัติและพระกรณียกิจ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จำนวน 20,000 เล่ม เนื้อหาประกอบด้วยภาพผลงานศิลปกรรมอันทรงคุณค่าเล่าเรื่องพระประวัติและพระกรณียกิจ จำนวน 84 ภาพ จัดพิมพ์ 4 สี ปกแข็ง ขนาด 18.5 x 26 ซม. ความหนา 205 หน้า ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายจัดทำจัดหมายเหตุและหนังสือที่ระลึกฯ เป็นผู้กำหนดรายละเอียดหนังสือที่ระลึกในชุดนี้มีขนาดมาตรฐานเดียวกัน เมื่อจัดพิมพ์เรียบร้อยแล้วจะจัดให้หน่วยงานที่มีความประสงค์อยากเก็บเป็นที่ระลึกติดต่อขอรับได้ที่ สศร.

สำหรับหนังสือสมุดภาพประกอบนิทรรศการ (สูจิบัตร) ที่จะแจกจ่ายให้ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการ ณ อาคารมณฑลพิธีท้องสนามหลวงนั้น สศร.ได้จัดพิมพ์ในเบื้องต้น 300,000 เล่ม ภายในจะประกอบด้วยภาพผลงานศิลปกรรมพิมพ์ 4 สี ทั้ง 84 ภาพ พร้อมชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดของศิลปินผู้วาดภาพ คาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายให้ประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. เป็นต้นไป

“เราจะเริ่มแจกหนังสือเล่มเล็กให้ประชาชนได้หลังวันพระราชทานเพลิงพระศพ 1 วัน ที่สนามหลวง แต่คาดว่า 3 แสนเล่มในเบื้องต้นที่จะจัดพิมพ์นั้นจะไม่พอ ขณะนี้จึงเร่งดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตามจะพยายามให้ประชาชนได้ชมภาพทั้ง 84 ภาพอย่างทั่วถึงกันอย่างแน่นอน” ผอ.สศร.กล่าว

ศ.ดร.อภินันท์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากงานแสดงนิทรรศการผลงานที่จะจัด ณ อาคารมณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวงแล้ว ศสร.จะจัดสัญจรไปแสดงในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศด้วย โดยเบื้องต้นได้ประสานไปยังสถาบันวัฒนธรรมกัลยาณิวัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อนำผลงานทั้งหมดไปจัดแสดงเป็นนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระพี่นางฯ โดยกำหนดเปิดนิทรรศการวันที่ 5 มิ.ย. ณ หอศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ มอ. ต่อจากนั้นคาดว่าจะได้สัญจรไปยังภูมิภาคอื่น โดยคาดว่าจะใช้เวลาสัญจรประมาณ 1-2 ปี

“การจัดนิทรรศการสัญจรตามภูมิภาคต่างๆ ใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งหลังจากนั้นอาจจะนำภาพทั้ง 84 ภาพไปจัดแสดงถาวรในหอศิลป์ของกระทรวงวัฒนธรรม หรือในสถานที่ของรัฐที่มีความเหมาะสมในการจัดแสดง ซึ่งต้องพิจารณากันอีกครั้ง ส่วนจะมีการทูลเกล้าฯ ถวายภาพแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือไม่นั้นต้องรอฟังจาก วธ.อีกครั้ง” ศ.ดร.อภินันท์ กล่าว

นายปรีชา เถาทอง ศิลปินชั้นเยี่ยมจากภาคกลาง ผู้ได้รับมอบหมายให้วาดภาพใหญ่ขนาด 2.40 x 1.80 เมตร หัวข้อภาพทรงกรมฯ กล่าวว่า การจัดนิทรรศการภาพครั้งนี้จะเป็นจดหมายเหตุที่สำคัญ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการจัดนิทรรศการทัศนศิลป์ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งศิลปินทั้ง 84 คนมีความตั้งใจถวายงานถ่ายทอดจินตนาการและความจงรักภักดีและความศรัทธาบันทึกไว้ผ่านภาพวาดทั้งหมด

“ผมเป็นหนึ่งในกรรมการคัดเลือกศิลปินและเป็นผู้วาดด้วย สามารถตอบแทนศิลปินหลายท่านได้ว่างานครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ ควบคู่กับการอนุรักษ์สืบสานงานทัศนศิลป์ ผลงานจากศิลปินทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่ามีชื่อและไม่มีชื่อจะจารึกพระกรณียกิจและพระประวัติด้วยความหลากหลายจากการตีความ และการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี บางคนถ่ายทอดจากจินตนาการโดยไม่มีภาพพระองค์ท่านแต่สื่อสารได้อย่างลึกซึ้ง” ศิลปินชั้นเยี่ยม กล่าว

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจเข้าชมนิทรรศการภาพพระประวัติและพระกรณียกิจสามารถเข้าชมผมงานของศิลปินทั้ง 84 คนได้ที่ www.royalcremationartexhibition.com

ด้าน นายประวิทย์ บุญมี ผู้อำนวยการฝ่ายเกษตร สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวถึงความคืบหน้าการตกแต่งดอกไม้รอบพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการลงดอกไม้บริเวณโดยรอบพระเมรุแล้ว เช่น ดอกเข็มสีแดง เป็นสีวันประสูติ และเป็นดอกไม้บูชาครู ทั้งความหมายของดอกเข็มมีปัญญาเฉียบแหลม นอกจากนี้ มี ดอกเพดิโกดอน มอนิ่งกอรี, อิมเมเจียน, ลิ้นมังกร, อาซูกา, เจราเนียม, ไลบีเรีย ซึ่งดอกไม้ส่วนใหญ่จะมีสีฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง และบางชนิดมีสีขาว โดยฝ่ายเกษตรโครงการพัฒนาดอยตุงฯ จะทยอยขนส่งดอกไม้จากดอยตุง จ.เชียงราย นำมาประดับพระเมรุอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละ 4 คันรถ จำนวน 12,000 ต้น ส่วนจำนวนชนิดดอกไม้ที่จะใช้ประดับพระเมรุนั้น จะใช้ทั้งหมด 84 ชนิด โดยคาดว่าจะดำเนินการประดับดอกไม้เสร็จเรียบร้อยประมาณวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้

สำหรับการดูแลต้นไม้ก่อนจะถึงงานพระราชพิธีฯ ได้เตรียมพร้อมการดูแลต้นไม้ไว้แล้ว โดยจัดทำหลังคาคลุมต้นไม้ทั้งหมด เพื่อป้องกันต้นไม้เสียหายจากฝนที่ตกมาอย่างหนัก ในขณะเดียวกันช่วงนี้ กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศร้อนและชื้น จึงต้องมีการดูแลโรคเกี่ยวกับเชื้อราของต้นไม้ด้วย อย่างไรก็ดี ต้นไม้ที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้นำมาประดับพระเมรุครั้งนี้ มีความแข็งแรง สามารถที่จะทนสภาพอากาศที่ กทม.ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงดอกไม้บริเวณโดยรอบพระเมรุ และเต็นท์พลาสติกที่เตรียมไว้ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังเดินทำงานต่อโดยไม่หวั่นไหวต่อสายฝนที่กระหน่ำลงมา เป็นที่ภาพน่าประทับใจผู้ที่พบเห็น

กำลังโหลดความคิดเห็น