สช.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรับน้อง “ทิ้งดิ่ง” ให้แล้วเสร็จใน 7 วัน หากโรงเรียนรู้เห็นด้วย จะต้องถูกลงโทษ กำชับสถานศึกษาดูแลการจัดกิจกรรมรับน้องอย่างเข้มงวด
นายบัณฑิต ศรีพุทธางกูร ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า สช. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่นักเรียน ร.ร.โพลีเทคนิคกรุงเทพ รับน้องรุนแรง โดยรุ่นพี่สั่งให้รุ่นน้องทิ้งดิ่งกระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าโรงเรียนมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ หากมีส่วนรู้เห็นก็จะต้องถูกลงโทษ ซึ่งมีตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ให้หยุดพักการเรียนการสอน และยึดใบอนุญาต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำที่ สช.เพราะหากคณะกรรมการไปสอบสวนข้อเท็จจริงในพื้นที่เกรงว่าจะถูกมวลชนกดดัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ในทุกต้นปีการศึกษา สช.ได้มีหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งให้ดูแลการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่อย่างเข้มงวด ไม่ใช่มาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบวัวหายล้อมคอก แต่บางครั้งก็อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ ซึ่งคงต้องฝากผู้ปกครอง ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลานของตัวเองด้วย หากเดินทางไปจัดกิจกรรมกันเป็นหมู่คณะ ก็ต้องย้ำเตือนไม่ให้ก่อเหตุการณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ก็มีสาเหตุจากการดื่มสุราเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา
ผอ.สช.กล่าวต่อไปว่า สช.ได้ประสานไปยังผู้ปกครองของรุ่นน้องที่ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าอาการยังอยู่ในขั้นโคม่า ซึ่ง สช.ยินดีช่วยเหลือครอบครัวนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ส่วนรุ่นพี่ที่ก่อเหตุนั้น ได้ประสานกับตำรวจให้ลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเด็กก่อเหตุนั้นเป็นเด็กรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว หรือบางคนก็ออกจากโรงเรียนไปทั้งที่ยังศึกษาไม่จบ
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ประกันตัวนักศึกษารุ่นพี่คนดังกล่าวแล้ว นายบัณฑิต กล่าวว่า เรื่องประกันตัวก็คงต้องเป็นไปตามกฎหมายของบ้านเมืองที่จะให้ประกันตัวได้ ซึ่งตนเชื่อว่าตำรวจจะต้องให้ความยุติธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสืบหาข้อเท็จจริงอย่างจริงจังแน่นอน เนื่องจากมีหลักฐานคือคลิปวิดีโอมัดตัวรุ่นพี่โหดอยู่แล้ว
ด้านนายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นการชักชวนกันไปเที่ยวของนักศึกษากันเองมากว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน ซึ่งจะต้องสืบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป และจะต้องมีบทลงโทษกับนักศึกษาที่หนีไปรับทำกิจกรรมรับน้องอย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติเงินอุดหนุนการศึกษาเอกชนมาตลอด และเมื่อโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลแต่ไม่เคยดูแลเด็กปล่อยให้ออกไปทำกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์จนก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดเช่นนี้ ก็ควรจะพิจารณาเอาเองว่ารัฐบาลสมควรจะให้เงินอุดหนุนต่อไปหรือไม่ ดังนั้นโรงเรียนจะต้องมีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามตนได้มอบหมายให้ สช.ไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งหากมีความคืบหน้าทาง สช. จะรายงานให้ตนทราบทันที ทั้งนี้ตนขอฝากถึงผู้ปกครองทุกคนให้ทราบว่า ศธ.มีนักเรียนอยู่ในความดูแล 14 ล้านคน ครูและบุคลากรทางการศึกษาเพียง 600,000 คน ดังนั้นคงจะดูแลเด็กไม่ทั่วถึง ซึ่งผู้ปกครองจะเป็นกำลังหลักสำคัญในการช่วยเหลือโรงเรียนอีกทางหนึ่งในการควบคุมและดูแลสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลานของตัวเองได้ดีที่สุด
ต่อข้อถามว่า มาตรการลงโทษกับรุ่นพี่โหดอ่อนไปหรือไม่จึงมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกปี นายศรีเมือง กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันขึ้นอยู่แต่ละสถานการณ์ ซึ่งเด็กที่ก่อเหตุอาจมีความผิดปกติทางจิตก็ได้ถึงได้ทำกิจกรรมออกไปในแนวทางที่รุนแรง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีการทบทวนเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากสมาคมโรงเรียนเอกชนว่า ไม่สามารถลงโทษนักเรียนที่กระทำผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษด้วยการตีหรือไล่ออก เพราะผิดกฎหมาย ตอนนี้กำลังรวบรวมปัญหาให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงพิจารณาอยู่ ถ้าเป็นสมัยตนเป็นนักเรียนเกเรแบบนี้ต้องถูกไล่ออกแน่นอน ไปเข้าเรียนที่อื่นก็ไม่ได้ บางคนต้องไปบวช
