“อภิรักษ์” ขอบคุณประชาชนเลือกนั่งผู้ว่าฯ กทม. สมัย 2 ระบุคนกรุงให้คะแนนเพราะเป็น ปชป.-พอใจผลงานเดิม-นโยบายโดนใจ ไม่หวั่นใบเหลืองจากเรื่องร้องเรียนที่อยู่ใน กกต.พร้อมทำงานร่วม “รัฐบาลสมชาย” รุดรอลุ้นนับคะแนนที่ ปชป. “มาร์ค” นำทีมแถลงขอบคุณประชาชน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยภายหลังทราบผลเอ็กซิตโพลว่ามีคะแนนนำเหนือผู้สมัครรายอื่นๆ ว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอฟังผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจาก กทม.ก่อน ซึ่งทีมงานของตนก็ได้ติดตามผลสำรวจต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทุกๆ 3 เดือน โดยส่วนใหญ่จะติดตามว่าประชาชนตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือกตนเพราะอะไร เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน ซึ่งการติดตามดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตนได้รับความไว้วางจากประชาชนใน กทม.สูงสุด เป็นเพราะ 1.ตนเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ 2.จากการผลสำรวจพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจกับผลงานที่ผ่านมา และ 3.ประชาชนพอใจกับนโยบายที่นำเสนอในครั้งนี้ ซึ่งนโยบายบางส่วนเป็นนโยบายต่อเนื่องจากจากการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งเป็นนโยบายที่นำเสนอขึ้นมาใหม่
ต่อข้อถามว่า คาดหวังว่าคะแนนเสียงที่ได้รับในครั้งนี้จะมากกว่าที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยแรกซึ่งได้คะแนน 9.1 แสนคะแนนหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คะแนนเสียงที่ได้รับจะมากหรือน้อยกว่าครั้งก่อน คงต้องดูจากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยว่ามากกว่าครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ โดยในครั้งนั้นมีผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนน ร้อยละ 62 ในครั้งนี้ทาง กทม.คาดหมายว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ร้อยละ 70 หากเป็นเช่นนั้น ตนก็น่าจะได้รับคะแนนมากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การได้รับเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเมืองสนามใหญ่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนด้วยใช่หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การเมืองสนามใหญ่อาจจะมีผลบ้าง แต่ไม่มาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกจากเหตุผลว่าต้องการใครเข้ามาทำงาน และเขาต้องการให้ทำอะไร เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คือการเมืองท้องถิ่น ต่างจากการเมืองสนามใหญ่ที่มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกมาก
“สำหรับปัญหาที่ถูกร้องเรียนอยู่ในคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น ผมไม่รู้สึกหนักใจในกรณีดังกล่าว เพราะผมเคารพกฎหมาย และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาตลอด ดังนั้น เรื่องที่ถูกร้องเรียนต่างๆ นั้น มั่นใจว่าชี้แจงได้ ซึ่งก็มีกระบวนการตรวจสอบที่มีความเป็นธรรม และจะมีผลออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งก็ได้ชี้แจงกับประชาชนในระหว่างที่หาเสียงอยู่แล้ว ซึ่งหากมีโอกาสได้รับการรับรองจาก กกต.อย่างเป็นทางการก็จะเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อว่าจะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว เพราะหลายๆ โครงการได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และผมจะทำงานเชิงรุก ดึงองค์กรเครือข่ายต่างๆ เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาใน กทม. และสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่ต่อไป” นายอภิรักษ์กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลของพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการทำงาน และหากทำงานร่วมกันได้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ คือ ระบบขนส่งมวลชน
“ในระยะยาวควรมีการแก้กฎหมาย เพื่อกระจายอำนาจให้ผู้ว่าฯ กทม.มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และผมพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีทุกคน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรักษ์ได้ไปรอลุ้นผลการนับคะแนนที่พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับผู้บริหารของพรรคฯ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในเวลา 16.00 น. นายอภิรักษ์ และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกอภิรักษ์ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาทำงาน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยภายหลังทราบผลเอ็กซิตโพลว่ามีคะแนนนำเหนือผู้สมัครรายอื่นๆ ว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอฟังผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจาก กทม.ก่อน ซึ่งทีมงานของตนก็ได้ติดตามผลสำรวจต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทุกๆ 3 เดือน โดยส่วนใหญ่จะติดตามว่าประชาชนตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือกตนเพราะอะไร เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน ซึ่งการติดตามดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตนได้รับความไว้วางจากประชาชนใน กทม.สูงสุด เป็นเพราะ 1.ตนเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ 2.จากการผลสำรวจพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจกับผลงานที่ผ่านมา และ 3.ประชาชนพอใจกับนโยบายที่นำเสนอในครั้งนี้ ซึ่งนโยบายบางส่วนเป็นนโยบายต่อเนื่องจากจากการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งเป็นนโยบายที่นำเสนอขึ้นมาใหม่
ต่อข้อถามว่า คาดหวังว่าคะแนนเสียงที่ได้รับในครั้งนี้จะมากกว่าที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยแรกซึ่งได้คะแนน 9.1 แสนคะแนนหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คะแนนเสียงที่ได้รับจะมากหรือน้อยกว่าครั้งก่อน คงต้องดูจากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยว่ามากกว่าครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ โดยในครั้งนั้นมีผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนน ร้อยละ 62 ในครั้งนี้ทาง กทม.คาดหมายว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ร้อยละ 70 หากเป็นเช่นนั้น ตนก็น่าจะได้รับคะแนนมากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การได้รับเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเมืองสนามใหญ่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนด้วยใช่หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การเมืองสนามใหญ่อาจจะมีผลบ้าง แต่ไม่มาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกจากเหตุผลว่าต้องการใครเข้ามาทำงาน และเขาต้องการให้ทำอะไร เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คือการเมืองท้องถิ่น ต่างจากการเมืองสนามใหญ่ที่มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกมาก
“สำหรับปัญหาที่ถูกร้องเรียนอยู่ในคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น ผมไม่รู้สึกหนักใจในกรณีดังกล่าว เพราะผมเคารพกฎหมาย และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาตลอด ดังนั้น เรื่องที่ถูกร้องเรียนต่างๆ นั้น มั่นใจว่าชี้แจงได้ ซึ่งก็มีกระบวนการตรวจสอบที่มีความเป็นธรรม และจะมีผลออกมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งก็ได้ชี้แจงกับประชาชนในระหว่างที่หาเสียงอยู่แล้ว ซึ่งหากมีโอกาสได้รับการรับรองจาก กกต.อย่างเป็นทางการก็จะเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อว่าจะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว เพราะหลายๆ โครงการได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และผมจะทำงานเชิงรุก ดึงองค์กรเครือข่ายต่างๆ เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาใน กทม. และสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่ต่อไป” นายอภิรักษ์กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลของพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการทำงาน และหากทำงานร่วมกันได้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ คือ ระบบขนส่งมวลชน
“ในระยะยาวควรมีการแก้กฎหมาย เพื่อกระจายอำนาจให้ผู้ว่าฯ กทม.มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และผมพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีทุกคน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรักษ์ได้ไปรอลุ้นผลการนับคะแนนที่พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับผู้บริหารของพรรคฯ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในเวลา 16.00 น. นายอภิรักษ์ และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกอภิรักษ์ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาทำงาน
