สสวท.เตรียมพัฒนาการเรียนการสอนวิทย์ ตามแนวทางแดนกิมจิให้เด็กเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่มุ่งสอนเด็กให้รู้จักคิด วิเคราะห์และแก้ปัญหา หลังพบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ตกต่ำ ระบุขณะนี้ถึงเวลาวิกฤติที่ทุกฝ่ายต้องเข้ามาร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอน
น.ส.นารี วงศ์สิโรจน์กุล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.)กล่าวแถลงนโยบายในการก้าวสู่ปีที่ 37 ของ สสวท.ที่โรงแรมอมารี บูเลอวาร์ด กทม.เมื่อเร็วๆนี้ว่า ในปี 2552 สสวท.มุ่งสร้างตระหนักให้แก่สังคมไทยในการเป็นสังคมวิทยาศาสตร์และพัฒนาเด็กไทยให้รู้จักคิด วิเคราะห์ได้ และแก้ปัญหาเป็นเพราะจากผลสัมฤทธิ์ในวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ของเด็กไทยตกต่ำเมื่อเทียบกับนานาชาติ เช่น ผลประเมินของ PIZA ซึ่งประเมินนักเรียนระดับ ม.ต้น แม้นักเรียนโรงเรียนสาธิต และโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ประเมิน แต่มีนักเรียนโรงเรียนขยายโอกาสจำนวนมากที่คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากโรงเรียนขยายโอกาสเปิดสอนระดับประถมมาก่อนและมาขยายเปิดสอนระดับม.ต้นทั้งที่ยังไม่ความพร้อม ทำให้ภาพรวมผลประเมินเด็กไทยอยู่ในกลุ่มประเทศอันดับรั้งท้าย หากผลสัมฤทธิ์สองวิชานี้ของเด็กไทยยังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่น่ากลัวโดยเฉพาะปัจจุบันเด็กไทยชอบความสบายมากกว่าแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง
น.ส.นารี กล่าวอีกว่า สสวท.ได้หารือร่วมกับนักวิชาการของเกาหลีพบว่ามีปัญหานักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติตกต่ำเช่นกัน เกาหลีจึงใช้วิธีให้เด็กเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่มุ่งสอนเด็กให้รู้จักคิด วิเคราะห์และแก้ปัญหานอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนตามหลักสูตรปกติ และรัฐบาลเกาหลีสนับสนุนงบประมาณและสื่อต่างๆเป็นอย่างดี ทำให้ผลการเรียนของนักเรียนเกาหลีดีขึ้น สสวท.จึงมีแนวคิดจะนำวิธีการของเกาหลีมาใช้เพราะการเพิ่มเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เข้าไปในชั่วโมงเรียนทำได้ยากมาก แม้จะมีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2544 จากช่วงชั้นเป็นรายปี เพราะทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้นั้นโรงเรียนให้ความสำคัญเท่ากันหมด ทำให้โอกาสที่ผลการเรียนสองวิชานี้ของเด็กไทยจะกระเตื้องขึ้นเป็นไปได้ลำบาก
“จะนำร่องหลักสูตรวิทยาศาสตร์ที่สอนให้เด็กไทยรู้จักคิด วิเคราะห์ได้และแก้ปัญหาในลักษณะโรงเรียนกวดวิชา โดยไม่ได้มุ่งแข่งขันกับโรงเรียนกวดวิชาเพราะเป้าหมายต่างกัน ขณะนี้มีหลักสูตรแล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบว่าจะทำเป็นห้องเรียน โรงเรียนนำร่องหรือตั้งโรงเรียนเฉพาะ รวมถึงระยะเวลาดำเนินการ จะหารือกับนักวิชาการเกาหลีถึงกระบวนการดำเนินการในวันที่ 9-10 ต.ค.นี้ ที่ สสวท. ก่อน หากได้ข้อสรุปกระบวนการและรูปแบบแล้ว ก็จะดำเนินการนำร่องซึ่งได้มองไว้ที่กลุ่มเด็กประถมศึกษา ถ้าได้ผลดีจะขยายผลทั่วประเทศ”
“ตอนนี้เป็นจุดวิกฤติแล้ว จะปล่อยให้การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตกต่ำไปกว่านี้ไม่ได้เพราะมีผลต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศและส่งผลถึงการลงทุน จริงๆ แล้วเด็กไทยเก่งแต่ต้องให้โอกาสและความรู้แก่เขาเช่น เด็กโอลิมปิกวิชาการ แต่ก็ทำได้เพียงกลุ่มหนึ่ง ยังพัฒนาเด็กไทยในภาพรวมไม่ได้ ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ต้องร่วมกันผลักดันการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นวาระแห่งชาติ ประเทศไทยต้องสู้แล้ว จะต้องทำให้เด็กไทยเรียนดีขึ้นเรื่อยๆเพื่อสู้กับต่างชาติได้” น.ส.นารี กล่าว
น.ส.นารี กล่าวด้วยว่า สสวท.ยังมีนโยบายขยายผลอบรมครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ซึ่งทำเป็นปีที่ 3 เป็นความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเป็นเครือข่าย 20 ศูนย์เพราะมีการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ และจะปรับปรุงหลักสูตรวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ทุกระดับชั้นให้มีเนื้อหาทันสมัย ซึ่งเป็นการดำเนินการในรอบปี 2556 เพราะสสวท.จะต้องปรับปรุงหลักสูตรวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ทุก 6 ปี นอกจากนี้ จะนำภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้มาเป็นสื่อในการจูงใจเด็กไทยให้หันมาสนใจเรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยจัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 4 ในวันที่ 18-28 พฤศจิกายนนี้ที่ สสวท.
อีกทั้งจัดเทศกาลภาพยนตร์สัญจรมีมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาคเป็นศูนย์ฉายภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ 28 ศูนย์ และได้หารือกับมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านภาพยนตร์ขอให้สอนนักศึกษาโดยสอดแทรกกฎ หลักการทางวิทยาศาสตร์ลงไปได้ด้วย