ครูเกือบ 100 คนบุก ศธ.ทวงถามเรื่องเออร์ลีฯ หลังรู้งดประชุม ครม.พร้อมขอดูรายชื่อว่าตัวเองมีสิทธิหรือไม่ ด้าน ผู้ตรวจกระทรวง ยาหอม มีการประชุม ครม.นัดแรกจะนำเรื่องนี้เข้าเป็นวาระเร่งด่วน ส่วน พิษณุ ขอหารือ เลขา สพฐ.รายชื่อผ่านเว็บ
วันนี้ (22 ก.ย.) เวลา 10.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มครูเออร์ลีฯ หรือกลุ่มครูขอประสงค์เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ประมาณ 100 คน ได้เดินทางขอพบ นายพงศกร อรรณนพพร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ติดภารกิจที่จังหวัดขอนแก่น ทางคณะทำงานออกมารับเรื่องไว้เพื่อรายงานต่อนายพงศกรต่อไป อย่างไรก็ตาม นายพงศกร โทรศัพท์ฝากตัวแทนกลุ่มครูว่าขอเป็นกำลังใจและจะพยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด
นายวิชา มุสิกา ตัวแทนกลุ่มครูประสงค์เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อทวงถามถึงสิทธิที่ครูทั้ง 3,077 คน ควรจะได้รับสิทธิได้รับอนุมัติให้เข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ที่นายพงศกรได้รับปากไว้ว่าจะดำเนินการให้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม แต่สถานการณ์ทางการเมืองของเรายังไม่นิ่งและเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทำให้เรื่องนี้ถูกชลอ และไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ในสภาพรัฐบาลรักษาการ จึงมองว่าเรื่องจะถูกลดความสำคัญ
“ตอนแรกนัดกันว่าพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) กลุ่มครูเออร์ลี่ฯ ได้นัดร่วมตัวกันเพื่อขอทวงสัญญาต่อ ครม.ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาอย่างเร่งด่วน แต่เพิ่งรู้ว่ารัฐบาลรักษาการได้ยกเลิกการประชุม ครม.กลุ่มครูเออร์ลีฯ จะรอฟังคำตอบไปจนวันที่ 30 ก.ย.ว่า หากการประชุม ครม.จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ครม.หรือไม่ และหากไม่เข้า ครม.พวกเราหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินอย่างไรต่อไป”
ด้านนายสุนันท์ เทพศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง บอกว่า ถ้ามีการประชุม ครม.ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ครั้งแรกเมื่อไหร่ กระทรวงจะประสานไปยังสำนักเลขานายกรัฐมนตรีให้นำเรื่องเข้าครม.เป็นวาระเร่งด่วน
นายพิษณุ ตุลสุข ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยังไม่ได้มีการประชุม ครม. จึงไม่สามารถระบุอย่างชัดเจนว่า กลุ่มครู 3,077 คน จะอนุมัติทันหรือไม่ อย่างไรก็ดี คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามเรื่องนี้
“ถ้าหากประชุม ครม.ไม่ทันสิ้นเดือนนี้ แต่เป็นต้นเดือนตุลาคม อาจจะมีผลย้อนหลังได้ อย่างไรก็ดี ถ้าครูกลุ่มนี้เข้าโครงการไม่ทัน สิ่งที่จะตามก็คือ ต้องมีการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกอย่างหนึ่งถ้าให้อยู่ต่อเขาไม่มีจิตใจสอนหนังสือแก่เด็กก็จะมีผลกระทบต่อเด็กด้วย”
นายพิษณุ กล่าวต่อว่า ได้มีการตกลงกับครูว่าหากได้รับอนุมัติปีนี้ ซึ่งจะได้รับเงินขวัญถุง 8-15 เท่า แต่ขอให้รับเงินขวัญถุง 9 เท่าก่อน ที่เหลือให้ไปรับปีงบประมาณ 53 เพื่อนำเงินที่เหลือไปจ้างครูมาทดแทน เพราะเราต้องคำนึงถึงผลกระทบแก่เด็กจึงเอานักเรียนเป็นที่ตั้ง ส่วนเงินบำเหน็จดำรงชีพซึ่งจะได้รับคนละ 2 แสนบาทนั้น ขอให้ไปรับในปี 2553 ครูตกลงตามข้อเสนอนี้เพราะต้องการให้ได้เข้าโครงการในปีนี้
ส่วนกรณีที่ครูกลุ่มนี้ขอให้เปิดเผยรายชื่อนั้น นายพิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องปรึกษากับ คุณหญิงกษมา วรวรรณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า จะเปิดเผยรายชื่อผ่านเว็บตามที่ครูเรียกร้องได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าเรื่องการเปิดเผยรายชื่อจะรายงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.นายพิษณุ เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องกลุ่มครูประสงค์ขอเออร์ลี่ต้องการให้เปิดเผยรายชื่อ 3,077 คน ว่า สพฐ.ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ได้หาทางออกให้แก่กลุ่มครู โดยให้กลุ่มครูที่มาร่วมชุมนุมลงรายชื่อไว้เกือบ 100 คน ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อแล้วทำบันทึกถึงเลขา สพฐ.เพื่อขออนุญาตตรวจสอบรายชื่อว่ามีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม 3,077 คนหรือไม่ ทั้งนี้ เลขา สพฐ.จะอนุญาตหรือไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจของท่าน ถ้าหากให้ตรวจสอบรายชื่อจะแจ้งให้ทราบเป็นรายบุคคล
รายงานแจ้งว่า กลุ่มครูได้ส่งรายชื่อเพื่อตรวจสอบว่ามีสิทธิ์แออร์ลี่ฯหรือไม่ นั้น หลายรายบอกว่า เมื่อตรวจสอบชื่อแล้วพบว่ามีรายชื่ออยู่ในจำนวน 3,077 คน จะรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่มีชื่อก็ต้องยอมรับความจริง และต้องทำใจเพราะเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ไม่ได้ส่งรายชื่อ หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ความผิดของ สพฐ. แต่เป็นความผิดของ สพท.ซึ่งครูจะเอาเรื่องหรือไม่ขึ้นอยู่กับครูท่านนั้น อย่างไรก็ตาม หากพลาดหวังในปีนี้ก็จะขอเออร์ลี่ในปีถัดไป
วันนี้ (22 ก.ย.) เวลา 10.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มครูเออร์ลีฯ หรือกลุ่มครูขอประสงค์เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ประมาณ 100 คน ได้เดินทางขอพบ นายพงศกร อรรณนพพร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ติดภารกิจที่จังหวัดขอนแก่น ทางคณะทำงานออกมารับเรื่องไว้เพื่อรายงานต่อนายพงศกรต่อไป อย่างไรก็ตาม นายพงศกร โทรศัพท์ฝากตัวแทนกลุ่มครูว่าขอเป็นกำลังใจและจะพยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด
นายวิชา มุสิกา ตัวแทนกลุ่มครูประสงค์เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อทวงถามถึงสิทธิที่ครูทั้ง 3,077 คน ควรจะได้รับสิทธิได้รับอนุมัติให้เข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ที่นายพงศกรได้รับปากไว้ว่าจะดำเนินการให้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม แต่สถานการณ์ทางการเมืองของเรายังไม่นิ่งและเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทำให้เรื่องนี้ถูกชลอ และไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ในสภาพรัฐบาลรักษาการ จึงมองว่าเรื่องจะถูกลดความสำคัญ
“ตอนแรกนัดกันว่าพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) กลุ่มครูเออร์ลี่ฯ ได้นัดร่วมตัวกันเพื่อขอทวงสัญญาต่อ ครม.ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาอย่างเร่งด่วน แต่เพิ่งรู้ว่ารัฐบาลรักษาการได้ยกเลิกการประชุม ครม.กลุ่มครูเออร์ลีฯ จะรอฟังคำตอบไปจนวันที่ 30 ก.ย.ว่า หากการประชุม ครม.จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ครม.หรือไม่ และหากไม่เข้า ครม.พวกเราหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินอย่างไรต่อไป”
ด้านนายสุนันท์ เทพศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง บอกว่า ถ้ามีการประชุม ครม.ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ครั้งแรกเมื่อไหร่ กระทรวงจะประสานไปยังสำนักเลขานายกรัฐมนตรีให้นำเรื่องเข้าครม.เป็นวาระเร่งด่วน
นายพิษณุ ตุลสุข ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยังไม่ได้มีการประชุม ครม. จึงไม่สามารถระบุอย่างชัดเจนว่า กลุ่มครู 3,077 คน จะอนุมัติทันหรือไม่ อย่างไรก็ดี คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามเรื่องนี้
“ถ้าหากประชุม ครม.ไม่ทันสิ้นเดือนนี้ แต่เป็นต้นเดือนตุลาคม อาจจะมีผลย้อนหลังได้ อย่างไรก็ดี ถ้าครูกลุ่มนี้เข้าโครงการไม่ทัน สิ่งที่จะตามก็คือ ต้องมีการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกอย่างหนึ่งถ้าให้อยู่ต่อเขาไม่มีจิตใจสอนหนังสือแก่เด็กก็จะมีผลกระทบต่อเด็กด้วย”
นายพิษณุ กล่าวต่อว่า ได้มีการตกลงกับครูว่าหากได้รับอนุมัติปีนี้ ซึ่งจะได้รับเงินขวัญถุง 8-15 เท่า แต่ขอให้รับเงินขวัญถุง 9 เท่าก่อน ที่เหลือให้ไปรับปีงบประมาณ 53 เพื่อนำเงินที่เหลือไปจ้างครูมาทดแทน เพราะเราต้องคำนึงถึงผลกระทบแก่เด็กจึงเอานักเรียนเป็นที่ตั้ง ส่วนเงินบำเหน็จดำรงชีพซึ่งจะได้รับคนละ 2 แสนบาทนั้น ขอให้ไปรับในปี 2553 ครูตกลงตามข้อเสนอนี้เพราะต้องการให้ได้เข้าโครงการในปีนี้
ส่วนกรณีที่ครูกลุ่มนี้ขอให้เปิดเผยรายชื่อนั้น นายพิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องปรึกษากับ คุณหญิงกษมา วรวรรณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า จะเปิดเผยรายชื่อผ่านเว็บตามที่ครูเรียกร้องได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าเรื่องการเปิดเผยรายชื่อจะรายงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.นายพิษณุ เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องกลุ่มครูประสงค์ขอเออร์ลี่ต้องการให้เปิดเผยรายชื่อ 3,077 คน ว่า สพฐ.ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ได้หาทางออกให้แก่กลุ่มครู โดยให้กลุ่มครูที่มาร่วมชุมนุมลงรายชื่อไว้เกือบ 100 คน ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อแล้วทำบันทึกถึงเลขา สพฐ.เพื่อขออนุญาตตรวจสอบรายชื่อว่ามีรายชื่ออยู่ในกลุ่ม 3,077 คนหรือไม่ ทั้งนี้ เลขา สพฐ.จะอนุญาตหรือไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจของท่าน ถ้าหากให้ตรวจสอบรายชื่อจะแจ้งให้ทราบเป็นรายบุคคล
รายงานแจ้งว่า กลุ่มครูได้ส่งรายชื่อเพื่อตรวจสอบว่ามีสิทธิ์แออร์ลี่ฯหรือไม่ นั้น หลายรายบอกว่า เมื่อตรวจสอบชื่อแล้วพบว่ามีรายชื่ออยู่ในจำนวน 3,077 คน จะรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่มีชื่อก็ต้องยอมรับความจริง และต้องทำใจเพราะเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ไม่ได้ส่งรายชื่อ หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ความผิดของ สพฐ. แต่เป็นความผิดของ สพท.ซึ่งครูจะเอาเรื่องหรือไม่ขึ้นอยู่กับครูท่านนั้น อย่างไรก็ตาม หากพลาดหวังในปีนี้ก็จะขอเออร์ลี่ในปีถัดไป
