“หมอประเวศ” ชี้ “สมชาย” บุคลิกดีนุ่มนวลเป็นต้นทุนแก้ปัญหา แนะใช้ความจริงใจ อดทน ความเป็นธรรมแก้ปัญหาประเทศ แต่ไม่คาดหวังรัฐบาลใหม่ เพราะจะได้ไม่ผิดหวัง หากมีคำแนะนำดีจะเสนอ ชี้ สังคมไทยเหมือนหญิงเจ็บท้องใกล้คลอดต้องช่วยกันดูแลให้เจ็บน้อยสุด และใช้วิกฤตเป็นโอกาส ยกระดับไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จ.ปทุมธานี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในงานการประชุมวิชาการโรงพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนประจำปี 2551 ว่า การที่พรรคพลังประชาชนมีเสียงข้างมาก และจัดตั้งเป็นรัฐบาล ก็เป็นไปตามกติกาที่โหวตให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยถือว่าเป็นการใช้รัฐสภาในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามขั้นตอนและกติกา ส่วนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศอย่างไรนั้น เชื่อว่า ด้วยบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่มีความนุ่มนวลและมีประสบการณ์การทำงานเป็นอดีตผู้พิพากษา ถือเป็นทุนที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์แก้ไขปัญหาประเทศ โดยจะต้องมีความจริงใจ อดทน จึงจะผ่านพ้นวิกฤตได้
“นายสมชาย มีบุคลิกนุ่มนวลเป็นทุน ถ้าไปด่า ไปตบตีกันทั้งหมดมันก็ยากต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ เพราะมัวไปยุ่งอยู่กับการตีรันฟันแทง ดังนั้นการนอบน้อมเป็นทุนที่จะสามารถดึงคนทุกฝ่ายเข้ามาร่วมสร้างประเทศไทย หากไม่สำเร็จก็ใช้ความอดทน มานะพยายาม เหมือนกับที่เล่าปี่ไปชวนขงเบ้งมาอยู่ด้วย ครั้งแรกไม่สำเร็จก็อดทน แสดงความจริงใจให้เห็น ในที่สุดขงเบ้งก็ใจอ่อน ทุกฝ่ายก็จะยอมรับ”นพ.ประเวศ กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อย่าไปฝากความหวังที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะทุกคนต้องร่วมกัน ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรกับรัฐบาล และจะได้ไม่ผิดหวัง แต่ถ้าพบมีข้อแนะนำที่ดีก็จะเสนอแนะเพราะเชื่อว่าทุกคนทุกพรรคทุกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ทำให้บ้านเมืองเจริญอยู่ดีมีสุข ดังนั้น จึงควรร่วมกันสร้างสรรค์ประเทศใหม่ให้เป็นธรรมทุกด้าน เอาความเป็นธรรมให้เป็นใหญ่ เมื่อเกิดความเป็นธรรมทุกคนก็จะยอมรับ แม้จะจน ลำบาก หรือตายก็ยอมได้และนำประเทศไทยไปสู่สันติสุข
“วิกฤตเป็นโอกาสในการเคลื่อนไปข้างหน้า ดังนั้น อย่าไปตกใจ เพราะเมื่อวิกฤตก็จะเกิดการยกระดับครั้งใหญ่ อย่างประเทศเยอรมันหรือญี่ปุ่นที่แพ้สงคราม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด แต่หลังเกิดสงครามก็เกิดความเจริญเร็วมาก เพราะมีการปรับตัวในสิ่งที่ทำไม่ได้ ไม่เคยทำมาก่อน สภาวะบ้านเมืองไทยในขณะนี้เหมือนแม่กำลังเจ็บท้องใกล้คลอดนำไปสู่ภาวการณ์เจริญเติบโตใหม่ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันในระยะเปลี่ยนผ่าน ทำอย่างไรให้เจ็บน้อยสุด ไปสู่จุดรวมตัวใหม่ที่นำสู่ความเจริญที่แท้จริง” นพ.ประเวศ กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ของสังคมในขณะนี้ คือ การขาดความเป็นธรรม โดยเฉพาะชนชั้นล่าง คนยากจน คนเล็กคนน้อย ไม่มีเกียรติศักดิ์ศรี ซึ่งความเป็นธรรมขั้นพื้นฐานคือ การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคน หากไม่มีความเป็นธรรมบ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ ระส่ำระส่าย เกิดความขัดแย้ง ถ้าเกิดความเป็นธรรมในประเทศไทยทุกหน่วยปัญหาความยากจนก็จะหมดไปภายใน 5 ปี ไม่มีคนจนเหลือในประเทศไทยถ้าไม่เบี้ยวไม่โกง อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยจะต้องบูรณาการจากทุกด้าน ไม่ควรมองการเมืองแยกส่วน เพราะการเมือง เศรษฐกิจ สังคมต้องร่วมกันช่วยเหลือประเทศ
“คนไทยต้องร่วมกันโดยใช้ทฤษฎีร่วมฝันร่วมกันไม่ใช่ใช้แต่ทฤษฎีความรู้เท่านั้นเพราะแม้นักวิชาการก็ใช้ความรู้ก็ยังเห็นทะเลาะกันมาก อีกทั้งจะหาทางออกไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ความฝันร่วมกันว่าจะหาทางออกให้กับประเทศอย่างไร เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ประชาชน ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างอยากเป็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าลูหลานอยู่ดีมีความสุขด้วยกันทั้งสิ้น”นพ.ประเวศ กล่าว
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จ.ปทุมธานี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในงานการประชุมวิชาการโรงพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนประจำปี 2551 ว่า การที่พรรคพลังประชาชนมีเสียงข้างมาก และจัดตั้งเป็นรัฐบาล ก็เป็นไปตามกติกาที่โหวตให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยถือว่าเป็นการใช้รัฐสภาในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามขั้นตอนและกติกา ส่วนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศอย่างไรนั้น เชื่อว่า ด้วยบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่มีความนุ่มนวลและมีประสบการณ์การทำงานเป็นอดีตผู้พิพากษา ถือเป็นทุนที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์แก้ไขปัญหาประเทศ โดยจะต้องมีความจริงใจ อดทน จึงจะผ่านพ้นวิกฤตได้
“นายสมชาย มีบุคลิกนุ่มนวลเป็นทุน ถ้าไปด่า ไปตบตีกันทั้งหมดมันก็ยากต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ เพราะมัวไปยุ่งอยู่กับการตีรันฟันแทง ดังนั้นการนอบน้อมเป็นทุนที่จะสามารถดึงคนทุกฝ่ายเข้ามาร่วมสร้างประเทศไทย หากไม่สำเร็จก็ใช้ความอดทน มานะพยายาม เหมือนกับที่เล่าปี่ไปชวนขงเบ้งมาอยู่ด้วย ครั้งแรกไม่สำเร็จก็อดทน แสดงความจริงใจให้เห็น ในที่สุดขงเบ้งก็ใจอ่อน ทุกฝ่ายก็จะยอมรับ”นพ.ประเวศ กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อย่าไปฝากความหวังที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะทุกคนต้องร่วมกัน ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรกับรัฐบาล และจะได้ไม่ผิดหวัง แต่ถ้าพบมีข้อแนะนำที่ดีก็จะเสนอแนะเพราะเชื่อว่าทุกคนทุกพรรคทุกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ทำให้บ้านเมืองเจริญอยู่ดีมีสุข ดังนั้น จึงควรร่วมกันสร้างสรรค์ประเทศใหม่ให้เป็นธรรมทุกด้าน เอาความเป็นธรรมให้เป็นใหญ่ เมื่อเกิดความเป็นธรรมทุกคนก็จะยอมรับ แม้จะจน ลำบาก หรือตายก็ยอมได้และนำประเทศไทยไปสู่สันติสุข
“วิกฤตเป็นโอกาสในการเคลื่อนไปข้างหน้า ดังนั้น อย่าไปตกใจ เพราะเมื่อวิกฤตก็จะเกิดการยกระดับครั้งใหญ่ อย่างประเทศเยอรมันหรือญี่ปุ่นที่แพ้สงคราม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด แต่หลังเกิดสงครามก็เกิดความเจริญเร็วมาก เพราะมีการปรับตัวในสิ่งที่ทำไม่ได้ ไม่เคยทำมาก่อน สภาวะบ้านเมืองไทยในขณะนี้เหมือนแม่กำลังเจ็บท้องใกล้คลอดนำไปสู่ภาวการณ์เจริญเติบโตใหม่ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันในระยะเปลี่ยนผ่าน ทำอย่างไรให้เจ็บน้อยสุด ไปสู่จุดรวมตัวใหม่ที่นำสู่ความเจริญที่แท้จริง” นพ.ประเวศ กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ปัญหาใหญ่ของสังคมในขณะนี้ คือ การขาดความเป็นธรรม โดยเฉพาะชนชั้นล่าง คนยากจน คนเล็กคนน้อย ไม่มีเกียรติศักดิ์ศรี ซึ่งความเป็นธรรมขั้นพื้นฐานคือ การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นคน หากไม่มีความเป็นธรรมบ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ ระส่ำระส่าย เกิดความขัดแย้ง ถ้าเกิดความเป็นธรรมในประเทศไทยทุกหน่วยปัญหาความยากจนก็จะหมดไปภายใน 5 ปี ไม่มีคนจนเหลือในประเทศไทยถ้าไม่เบี้ยวไม่โกง อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยจะต้องบูรณาการจากทุกด้าน ไม่ควรมองการเมืองแยกส่วน เพราะการเมือง เศรษฐกิจ สังคมต้องร่วมกันช่วยเหลือประเทศ
“คนไทยต้องร่วมกันโดยใช้ทฤษฎีร่วมฝันร่วมกันไม่ใช่ใช้แต่ทฤษฎีความรู้เท่านั้นเพราะแม้นักวิชาการก็ใช้ความรู้ก็ยังเห็นทะเลาะกันมาก อีกทั้งจะหาทางออกไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ความฝันร่วมกันว่าจะหาทางออกให้กับประเทศอย่างไร เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ประชาชน ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างอยากเป็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าลูหลานอยู่ดีมีความสุขด้วยกันทั้งสิ้น”นพ.ประเวศ กล่าว
