ก.ค.ศ.เตรียมชงเรื่องเข้าบอร์ดเพิ่มบทเฉพาะกาลประเมินวิทยาฐานะคงอยู่ หวั่นประเมินวิทยฐานะไม่ทัน ต.ค.นี้ ระบุต้องประเมินทุก 3 ปี หลังเข้าสู่ตำแหน่ง
นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.ศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ เพื่อการคงอยู่ของความรู้ ความชำนาญการหรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่ง ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับวิทยฐานะไปแล้ว ตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังจัดทำรายละเอียดและคู่มือในการประเมิน รวมทั้งต้องมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจกับครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อน เพราะหากทำการประเมินโดยไม่ทำความเข้าใจอาจจะเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นได้
ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.อาจจะต้องนำเรื่องนี้เสนอเข้าบอร์ด ก.ค.ศ.เพื่อขอให้มีบทเฉพาะกาล เพราะอาจจะทำการประเมินไม่ทันในเดือน ต.ค.นี้ แต่ตามหลักการแล้วจะต้องมีการประเมินทุก 3 ปีหลังเข้าสู่ตำแหน่งและวิทยฐานะ โดยหลักเกณฑ์สำคัญของการประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะเพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถของผู้ที่ได้รับตำแหน่งและวิทยฐานะไปแล้ว ซึ่งในกรณีที่ไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด ในขั้นแรกจะเปิดโอกาสให้พัฒนาตนเองก่อน แต่ถ้าพัฒนาแล้วยังไม่ผ่านการประเมินอีกก็คงจะดำเนินการตามขั้นตอน ได้แก่ ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือน งดขั้นเงินเดือน ไปจนถึงการงดเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินวิทยฐานะแล้วแต่กรณี และสุดท้ายหากยังไม่สามารถพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้ ก็คงต้องให้ออกจากราชการ
รองเลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวอีกว่า สำหรับคณะกรรมการในการประเมินนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นในแต่ละเขตพื้นที่ โดยจะมี 4 คณะ คือ คณะกรรมการประเมิน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา คณะกรรมการประเมินศึกษานิเทศก์, คณะกรรมการประเมินผู้อำนวยการสถานศึกษา และคณะกรรมการประเมินข้าราชการครูในแต่ละโรงเรียน ทั้งนี้คณะกรรมการแต่ละชุดจะมี 4 คน แบ่งเป็นกรรมการคนใน 2 คน และคนนอกอีก 2 คน โดยนอกจากเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแล้วจะให้ผู้แทนผู้ปกครองในคณะกรรมการสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินด้วย
นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.ศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ เพื่อการคงอยู่ของความรู้ ความชำนาญการหรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่ง ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับวิทยฐานะไปแล้ว ตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.กำลังจัดทำรายละเอียดและคู่มือในการประเมิน รวมทั้งต้องมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจกับครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อน เพราะหากทำการประเมินโดยไม่ทำความเข้าใจอาจจะเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นได้
ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.อาจจะต้องนำเรื่องนี้เสนอเข้าบอร์ด ก.ค.ศ.เพื่อขอให้มีบทเฉพาะกาล เพราะอาจจะทำการประเมินไม่ทันในเดือน ต.ค.นี้ แต่ตามหลักการแล้วจะต้องมีการประเมินทุก 3 ปีหลังเข้าสู่ตำแหน่งและวิทยฐานะ โดยหลักเกณฑ์สำคัญของการประเมินตำแหน่ง และวิทยฐานะเพื่อดำรงไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถของผู้ที่ได้รับตำแหน่งและวิทยฐานะไปแล้ว ซึ่งในกรณีที่ไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด ในขั้นแรกจะเปิดโอกาสให้พัฒนาตนเองก่อน แต่ถ้าพัฒนาแล้วยังไม่ผ่านการประเมินอีกก็คงจะดำเนินการตามขั้นตอน ได้แก่ ไม่เลื่อนขั้นเงินเดือน งดขั้นเงินเดือน ไปจนถึงการงดเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินวิทยฐานะแล้วแต่กรณี และสุดท้ายหากยังไม่สามารถพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้ ก็คงต้องให้ออกจากราชการ
รองเลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวอีกว่า สำหรับคณะกรรมการในการประเมินนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นในแต่ละเขตพื้นที่ โดยจะมี 4 คณะ คือ คณะกรรมการประเมิน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา คณะกรรมการประเมินศึกษานิเทศก์, คณะกรรมการประเมินผู้อำนวยการสถานศึกษา และคณะกรรมการประเมินข้าราชการครูในแต่ละโรงเรียน ทั้งนี้คณะกรรมการแต่ละชุดจะมี 4 คน แบ่งเป็นกรรมการคนใน 2 คน และคนนอกอีก 2 คน โดยนอกจากเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแล้วจะให้ผู้แทนผู้ปกครองในคณะกรรมการสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินด้วย
