สมัครผู้ว่าฯ กทม.วันสุดท้ายคึก ครึ่งวันเช้ามาแล้ว 4 ราย ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ เผยมีอดีตภริยาเอกอัครราชทูตไทย อดีตผู้สมัคร ส.ส. อดีต ส.ข.ลงสู้ศึกครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ศาลาว่าการ กทม.ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันสุดท้ายว่า ตั้งแต่ในช่วงเช้ามีผู้สมัครมายื่นใบสมัคร 4 ราย โดยเมื่อเวลา 09.30 น. นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ อายุ 63 ปี ภริยาอดีตเอกอัครราชทูตไทย กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาสมัครเป็นคนแรกของวัน ซึ่งได้รับหมายเลข 12 โดยนางธรณี เปิดเผยว่า “สาเหตุที่มาสมัครเป็นเพราะเบื้องบน คือเสด็จพ่อ ร.5 นิมิตมาให้สมัคร โดยจะไม่มีการลงพื้นที่หาเสียง เพราะหากเบื้องบนให้ดิฉันชนะก็คือชนะ”
นางธรณี กล่าวอีกว่า ส่วนสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียง คือการเมืองแนวใหม่ หมั่นร่วมตรวจสอบ ผู้ลอบทุจริตคนโกงคนผิด การติดสินบน และตนมีนโยบายที่จะให้คนรวยช่วยคนจน บริจาคเพื่อทำนุบำรุงชุมชน และจะจัดให้มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนไว้ร้องเรียนปัญหาสำหรับทุกเขต
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายอุดม วิบูลเทพาชาติ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาสมัครในสมัยที่ 3 พร้อมกับได้หมายเลข 13 โดยนายวิบูล กล่าวว่า ตนเคยสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว 2 สมัย และครั้งนี้ตั้งใจมาสมัครเพื่อให้ได้หมายเลข 13 เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว สำหรับครั้งนี้ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะ เพียงแต่เสนอตัวเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และเพื่อให้คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ ได้นำนโยบายที่มีประโยชน์ไปใช้ในการบริหาร กทม. คือ เพิ่มคุณค่า ลดปัญหาและอุปสรรค ให้ความสนใจด้านเศรษฐกิจ
จากนั้นเวลา 11.40 น. น.ส.วชิราภรณ์ อายุยืน หัวหน้าพรรคสาธารณชน อายุ 39 ปี เดินทางมาสมัครอีกราย พร้อมมีสมาชิกพรรคเดินทางมาให้กำลังใจ 10 กว่าคน โดยได้รับหมายเลข 14 ทั้งนี้ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาตนเคยผ่านสนามการเลือกตั้งใหญ่มาแล้ว โดยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคประชาราช ในเขต 3 ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว หลังจากนั้นจึงถอนตัวและมาตั้งพรรคการเมืองของตนเอง ซึ่งตนมีความสนใจสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเห็นประเทศกำลังอยู่ในความวุ่นวาย ซึ่งตนเห็นว่าน่าจะมีส่วนร่วมในการพัฒนากทม.ได้ เพราะมีนโยบายที่ดีที่จะมานำเสนอและช่วยแก้ไขปัญหาได้ โดยอยากขอโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้ามาทำงานด้วย โดยมีนโยบาย ทำกรุงเทพฯ ให้หลวม สร้างส่วนรวมให้สุขสงบ เปลี่ยนสนามรบสู่สนามรัก ทั้งนี้จะเน้นโครงการส่งเสริม และให้โอกาสผู้หญิงเป็นสำคัญ ได้แก่ จัดให้มีแท็กซี่ผู้หญิง Lady Taxi สร้างครอบครัวอบอุ่นเป็นเป็นบ้านเดี่ยว สร้างรถไฟใต้น้ำคลองแสนแสบเส้นทางคลองสามวา เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จัดสร้างลานจอดรถใต้ดินตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน สี่แยกคอกวัว เป็นต้น
และเมื่อเวลา 12.09 น. นายสมชาย ไพบูลย์ อดีตสมาชิกสภาเขตบางบอน พรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาสมัครโดยมีชาวชุมชนย่านบางบอนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ โดยได้รับหมายเลข 15 พร้อมกล่าวว่า ตนไม่หวังว่าจะได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้แต่ที่ตัดสินใจมาลงสมัครเพราะไม่อยากให้มีแต่ผู้สมัครหน้าเดิมๆอย่างนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือนางลีน่า จัง และการสมัครในครั้งนี้ได้ใช้ทุนส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับใคร โดยนโยบายของตนนั้นจะเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวรากหญ้า เช่น ในชุมชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ศาลาว่าการ กทม.ซึ่งเป็นวันรับสมัครวันสุดท้ายว่า ตั้งแต่ในช่วงเช้ามีผู้สมัครมายื่นใบสมัคร 4 ราย โดยเมื่อเวลา 09.30 น. นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ อายุ 63 ปี ภริยาอดีตเอกอัครราชทูตไทย กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาสมัครเป็นคนแรกของวัน ซึ่งได้รับหมายเลข 12 โดยนางธรณี เปิดเผยว่า “สาเหตุที่มาสมัครเป็นเพราะเบื้องบน คือเสด็จพ่อ ร.5 นิมิตมาให้สมัคร โดยจะไม่มีการลงพื้นที่หาเสียง เพราะหากเบื้องบนให้ดิฉันชนะก็คือชนะ”
นางธรณี กล่าวอีกว่า ส่วนสโลแกนที่ใช้ในการหาเสียง คือการเมืองแนวใหม่ หมั่นร่วมตรวจสอบ ผู้ลอบทุจริตคนโกงคนผิด การติดสินบน และตนมีนโยบายที่จะให้คนรวยช่วยคนจน บริจาคเพื่อทำนุบำรุงชุมชน และจะจัดให้มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนไว้ร้องเรียนปัญหาสำหรับทุกเขต
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายอุดม วิบูลเทพาชาติ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาสมัครในสมัยที่ 3 พร้อมกับได้หมายเลข 13 โดยนายวิบูล กล่าวว่า ตนเคยสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว 2 สมัย และครั้งนี้ตั้งใจมาสมัครเพื่อให้ได้หมายเลข 13 เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว สำหรับครั้งนี้ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะ เพียงแต่เสนอตัวเป็นทางเลือกให้กับประชาชน และเพื่อให้คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ ได้นำนโยบายที่มีประโยชน์ไปใช้ในการบริหาร กทม. คือ เพิ่มคุณค่า ลดปัญหาและอุปสรรค ให้ความสนใจด้านเศรษฐกิจ
จากนั้นเวลา 11.40 น. น.ส.วชิราภรณ์ อายุยืน หัวหน้าพรรคสาธารณชน อายุ 39 ปี เดินทางมาสมัครอีกราย พร้อมมีสมาชิกพรรคเดินทางมาให้กำลังใจ 10 กว่าคน โดยได้รับหมายเลข 14 ทั้งนี้ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาตนเคยผ่านสนามการเลือกตั้งใหญ่มาแล้ว โดยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคประชาราช ในเขต 3 ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว หลังจากนั้นจึงถอนตัวและมาตั้งพรรคการเมืองของตนเอง ซึ่งตนมีความสนใจสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเห็นประเทศกำลังอยู่ในความวุ่นวาย ซึ่งตนเห็นว่าน่าจะมีส่วนร่วมในการพัฒนากทม.ได้ เพราะมีนโยบายที่ดีที่จะมานำเสนอและช่วยแก้ไขปัญหาได้ โดยอยากขอโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้ามาทำงานด้วย โดยมีนโยบาย ทำกรุงเทพฯ ให้หลวม สร้างส่วนรวมให้สุขสงบ เปลี่ยนสนามรบสู่สนามรัก ทั้งนี้จะเน้นโครงการส่งเสริม และให้โอกาสผู้หญิงเป็นสำคัญ ได้แก่ จัดให้มีแท็กซี่ผู้หญิง Lady Taxi สร้างครอบครัวอบอุ่นเป็นเป็นบ้านเดี่ยว สร้างรถไฟใต้น้ำคลองแสนแสบเส้นทางคลองสามวา เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จัดสร้างลานจอดรถใต้ดินตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน สี่แยกคอกวัว เป็นต้น
และเมื่อเวลา 12.09 น. นายสมชาย ไพบูลย์ อดีตสมาชิกสภาเขตบางบอน พรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาสมัครโดยมีชาวชุมชนย่านบางบอนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ โดยได้รับหมายเลข 15 พร้อมกล่าวว่า ตนไม่หวังว่าจะได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้แต่ที่ตัดสินใจมาลงสมัครเพราะไม่อยากให้มีแต่ผู้สมัครหน้าเดิมๆอย่างนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือนางลีน่า จัง และการสมัครในครั้งนี้ได้ใช้ทุนส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับใคร โดยนโยบายของตนนั้นจะเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวรากหญ้า เช่น ในชุมชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น