“วิจิตร” เตือนสติรัฐบาลสานต่อ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่น 3 ให้ทุน 1 รุ่น ผูกพัน 4 ปี ต้องถามรัฐบาลในกระเป๋ามีเงินพอหรือไม่ แนะกยศ.เพิ่มการประชาสัมพันธ์ เร่งจัดสรรเงินให้กลุ่มเด็กยากจนกู้ก่อน
นายวิจิตร ศรีสอ้าน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความคิดเห็นกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะสานต่อโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 3 ว่า ตนเห็นด้วยกับเรื่องการให้ทุนนักเรียน นักศึกษา แต่สมัยหนึ่งที่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ.นั้นต้องเว้นเพราะไม่มีเงินสนับสนุน อีกอย่างแต่ละรุ่นต้องใช้เงินจำนวนมาก
ทั้งนี้ ถ้าจะฟื้นโครงการนี้ขึ้นมาอีกครั้ง อยากให้รัฐบาลคิดให้ถี่ถ้วน รอบครอบ เพราะการให้รุ่นหนึ่งต้องผูกพันไปถึง 4 ปี เมื่อนายสมชายตัดสินใจสานต่อกองทุน หมายความว่ารัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าไปถึง 4 ปีว่าจะมีงบประมาณรองรับเพียงพอหรือไม่ แล้วใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ และให้คิดล่วงหน้าถ้าหวยบนดินสะดุดไม่มีการจำหน่ายจะนำเงินจากส่วนไหนมาให้เด็ก
“การให้ทุนเด็กไปเรียนในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องดี ผมเห็นด้วย เพราะเท่ากับเป็นการเตรียมทรัพยากรเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ สิ่งที่ห่วงก็คืองบประมาณว่ามีเพียงพอหรือไม่ อีกอย่างรัฐบาลมีเงิน ต้องมาลำดับความสำคัญด้วยว่าควรใช้กับเรื่องใดบ้าง ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาก็ต้องลงทุน ผลที่ได้ควรคุ้มค่าด้วย”
จากนั้น อดีต รมว.ศธ.วิพากษ์กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 กองทุน เท่าที่ติดตามดูรายละเอียดแล้วเห็นว่าวัตถุประสงค์ของทั้ง 2 กองทุนยังคงเหมือนเดิม แต่มีบ้างเรื่องการประชาสัมพันธ์ เด็กยังสับสน เข้าใจว่ากองทุนต้องทำความเข้าใจและเข้าถึงเด็กๆ ให้มากกว่านี้ ที่สำคัญเงินควรถึงมือเด็กที่ยากจนอย่างแท้จริง
นายวิจิตร ศรีสอ้าน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความคิดเห็นกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะสานต่อโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 3 ว่า ตนเห็นด้วยกับเรื่องการให้ทุนนักเรียน นักศึกษา แต่สมัยหนึ่งที่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ.นั้นต้องเว้นเพราะไม่มีเงินสนับสนุน อีกอย่างแต่ละรุ่นต้องใช้เงินจำนวนมาก
ทั้งนี้ ถ้าจะฟื้นโครงการนี้ขึ้นมาอีกครั้ง อยากให้รัฐบาลคิดให้ถี่ถ้วน รอบครอบ เพราะการให้รุ่นหนึ่งต้องผูกพันไปถึง 4 ปี เมื่อนายสมชายตัดสินใจสานต่อกองทุน หมายความว่ารัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าไปถึง 4 ปีว่าจะมีงบประมาณรองรับเพียงพอหรือไม่ แล้วใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ และให้คิดล่วงหน้าถ้าหวยบนดินสะดุดไม่มีการจำหน่ายจะนำเงินจากส่วนไหนมาให้เด็ก
“การให้ทุนเด็กไปเรียนในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องดี ผมเห็นด้วย เพราะเท่ากับเป็นการเตรียมทรัพยากรเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ สิ่งที่ห่วงก็คืองบประมาณว่ามีเพียงพอหรือไม่ อีกอย่างรัฐบาลมีเงิน ต้องมาลำดับความสำคัญด้วยว่าควรใช้กับเรื่องใดบ้าง ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาก็ต้องลงทุน ผลที่ได้ควรคุ้มค่าด้วย”
จากนั้น อดีต รมว.ศธ.วิพากษ์กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 กองทุน เท่าที่ติดตามดูรายละเอียดแล้วเห็นว่าวัตถุประสงค์ของทั้ง 2 กองทุนยังคงเหมือนเดิม แต่มีบ้างเรื่องการประชาสัมพันธ์ เด็กยังสับสน เข้าใจว่ากองทุนต้องทำความเข้าใจและเข้าถึงเด็กๆ ให้มากกว่านี้ ที่สำคัญเงินควรถึงมือเด็กที่ยากจนอย่างแท้จริง
