xs
xsm
sm
md
lg

ศธ.เชือด ขรก.ทำผิดวินัยร้ายแรง “ผศ.หื่น” เข้าข่าย สั่งการสกอ.พิจารณาถอดถอนตำแหน่งวิชาการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศธ.สั่ง สกอ.พิจารณาถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการ “ศาสตราจารย์-ผู้ช่วยศาสตราจารย์” ข้าราชการอุดมศึกษาที่เคยกระทำผิดวินัย “ร้ายแรง” ตัดทางกลับมาสอนหนังสือโดยให้พิจารณาย้อนหลังถอดถอนผู้เข้าข่ายทั้งหมดไม่เฉพาะเชิงชู้สาวเท่านั้น ระบุ ป.ป.ช.ขอหลักฐาน “ผศ.หื่น” อาจเข้าข่ายใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อแลกกับผลประโยชน์ มีโทษจำคุกตลอดชีวิตและยอมความไม่ได้
นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกฯ ศธ.
นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงข่าวอาจารย์กระทำอนาจารนักศึกษาว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปพิจารณาถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการ ทั้งศาสตราจารย์ หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์ ของอาจารย์สถาบันอุดมศึกษาที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และมีการพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงสิ้นสุดแล้วว่ากระทำผิดจริง เนื่องจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะไม่มีใบประกอบวิชาชีพต่างจากข้าราชการครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เมื่อกระทำผิดก็จะถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ และแม้อาจารย์มหาวิทยาลัยจะถูกตัดสินว่าทำผิดวินัยร้ายแรงแล้วก็ยังสามารถใช้ตำแหน่งทางวิชาการที่ติดตัวไปยื่นสมัครสอนในสถาบันการศึกษาอื่นๆ ได้อีก ดังนั้น หากถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการออกไปด้วย ก็จะทำให้อาจารย์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเหล่านี้ไม่สามารถไปสอนหนังสือที่อื่นๆ ได้อีก

“เราต้องการให้บุคคลเหล่านี้หมดอนาคตในวิชาชีพสอนหนังสือไปเลย เพราะคนที่กระทำเช่นนี้ก็ไม่ควรจะเป็นครูสอนหนังสือให้กับใครอีก ซึ่งผมได้ขอให้ สกอ.พิจารณาย้อนหลังถอดถอนตำแหน่งวิชาการของข้าราชการอุดมศึกษาที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงทั้งหมดด้วย ไม่เฉพาะกรณีชู้สาวเท่านั้น แต่เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงทุกกรณี กรณีของอาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หากมีการพิจารณาสิ้นสุดว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ก็ต้องถูกถอดถอนตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รวมถึงให้สอบสวนอาจารย์ที่ปรึกษา หรืออาจารย์ที่นักศึกษาหญิงคนดังกล่าวไปขอคำปรึกษาแล้วเพิกเฉยไม่ให้ความช่วยเหลือด้วย เพราะนักศึกษาระบุว่าเคยขอคำปรึกษาจากอาจารย์บางคนแต่ไม่รับความสนใจ ซึ่งถือว่าละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่”

โฆษก ศธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ศธ.ได้สั่งการไปยังมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (มอบ.)ประสานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากทาง ป.ป.ช.ได้ขอหลักฐานการกระทำผิดของอาจารย์คนดังกล่าว เพราะ ป.ป.ช.เห็นว่าการขอหลับนอนกับนักศึกษาแลกเกรดนั้น เข้าข่ายการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตนเอง ขัดกับกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตและยอมความไม่ได้ ไม่ใช่แค่อนาจารเท่านั้น ซึ่งหาก ป.ป.ช.ฟันธงว่าเข้าข่ายความผิดดังกล่าวจริง ก็จะเป็นบรรทัดฐานที่จะถือปฏิบัติต่อไป และเชื่อว่าจะทำให้มีผู้กล้าออกมาเปิดเผยกรณีถูกกระทำทางเพศจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าอีกมาก

ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังสภามหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของครู อาจารย์ และนักศึกษาให้ชัดเจน เช่น การเรียกนักศึกษาเข้าพบ ต้องจัดสถานที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย หรือให้มีผู้อื่นอยู่ด้วย เป็นต้น ซึ่งหากสถานศึกษาใดไม่มีแนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว สกอ.ก็อาจจะไม่รับรองวิทยฐานะของสถานศึกษาให้

นายวัฒนา กล่าวถึงกรณีการเล่นพนันบอลของนักศึกษาจนถูกเจ้ามือโต๊ะพนันบอลตามทวงหนี้ว่า ศธ.โดยสารวัตรนักเรียนได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้สารวัตรนักเรียนมีข้อมูลสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล 7-8 แห่ง และมีจำนวนนักศึกษาที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จำนวน 10 ราย สำหรับการช่วยเหลือนักศึกษาที่เข้าไปเกี่ยวข้องนั้นได้ให้อาจารย์ที่ปรึกษาเข้าไปดูแลพฤติกรรมแล้ว โดยให้อาจารย์แนะแนวทำความเข้าใจกับนักเรียนด้วยว่า การเป็นหนี้พนันบอลเป็นหนี้ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหากมีเจ้าหนี้มาทวงก็ขอให้แจ้งมายังสายด่วน ศธ.โทร.1579 หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าดำเนินการจับกุม

โฆษก ศธ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีนักศึกษาที่เข้าแจ้งความต่อตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชน และสตรี (บก.ปดส.) นั้น ตนไม่แน่ใจว่าเด็กได้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแล้วหรือยัง แต่ตนขอฝากไปถึงมหาวิทยาลัยต้นสังกัดว่า หากนักศึกษาเข้าไปเล่นพนันบอลจนเป็นหนี้ก็ให้มหาวิทยาลัยใช้มาตรการของแต่ละสถาบันกำหนดบทลงโทษ แต่หากนักศึกษาไม่เข็ดหลาบก็ให้มหาวิทยาลัยพิจาณาเองว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ห้ามไล่นักศึกษาออก

ขณะเดียวกัน หากพบว่าอาจารย์คนใดกลั่นแกล้งนักศึกษา ศธ.จะต้องดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับอาจารย์คนนั้นด้วย เพราะนโยบายของ ศธ. คือ การนำเด็กและเยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษาไม่ใช่ผลักดันให้เด็กออกจากระบบ

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) กล่าวว่า ส่วนที่นายวัฒนา เสนอให้ สกอ.ช่วยดูว่าเมื่ออาจารย์กระทำผิดร้ายแรงและมีการลงโทษทาวินัยแล้ว น่าจะมีการถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการของบุคคลดังกล่าวด้วย เพื่อที่จะได้ไม่สามารถไปเป็นอาจารย์ได้อีกนั้น ส่วนตัวตนเห็นว่าถึงแม้จะไม่ถอดถอนตำแหน่งทางวิชาการ แต่ในความเป็นจริง ๆแล้วถ้าข้าราชการอุดมศึกษากระทำผิดร้ายแรงและมีการลงโทษทางวินัยร้ายแรงคือไล่ออกหรือปลดออก ถือว่าขาดคุณสมบัติของการเป็นอาจารย์และไม่สามารถจะกลับมารับราชการอยู่แล้ว รวมทั้งยังเป็นชนักติดตัว ที่จะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครอยากรับเข้าทำงาน

ส่วนที่ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะไปทำงานเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐหรือมหาวิทยาลัยเอกชนได้นั้น เรื่องนี้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่จะพิจารณา แต่ตนจะขอความร่วมมือไปยังสถาบันอุดมศึกษาทั้งหมดว่าไม่ควรที่จะรับคนเหล่านี้เข้าไปทำงาน เพราะขาดคุณสมบัติการเป็นอาจารย์ ซึ่งการทำเช่นนี้เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนมีมาตรฐานเดียวกันในการรับอาจารย์และบุคลากรเข้าทำงาน

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ตนจะมอบเป็นนโยบายของสกอ.ให้สถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนช่วยสำรวจและรวบรวมจำนวนและผลการพิจารณาโทษอาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่กระทำผิดขั้นร้ายแรงถึงไล่ออกหรือปลดออกย้อนหลังตั้งแต่ปี 2549ถึง2550 ว่ามีจำนวนเท่าใด ใครบ้าง และแจ้งมาที่สกอ. เพื่อเป็นข้อมูลกลางให้แต่ละมหาวิทยาลัยได้และนำไปเป็นข้อมูลในการคักเลือกอาจารย์และบุคลากรเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น