อุทยานการเรียนรู้ “ทีเคพาร์ค” แถลงข่าวความสำเร็จที่ดำเนินงานมาครบรอบครึ่งปีแรกของปี 2551 พร้อมเปิดตัว 7 โครงการดีๆ เพื่อการเรียนรู้ หวังจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นโดยนำความสนใจเชิงสร้างสรรค์ ทั้งดนตรี ไอที รวมถึงการแนะแนวการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามาเป็นจุดขาย ด้านผู้บริหารเผยปีหน้าหวังสถิติผู้ใช้เพิ่ม 10%
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ทีเคพาร์ค ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้มีการจัดการแถลงข่าว “ทีเคพาร์คโชว์ความสำเร็จและสุดยอดผลงานสร้างสรรค์แห่งปี” ขึ้น เพื่อแถลงเพื่อประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานครบครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.2551 พร้อมทั้งแถลงข่าวการจัดโครงการใหม่อีก 7 โดยมีผู้อำนวยการและผู้บริหารร่วมแถลงข่าว
น.ส.ผลบุญ นันทมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ ระบุว่า ปัจจุบันทีเคพาร์คมีสมาชิกรายปี จำนวน 26,000 คน และผู้ใช้บริการทีเคพาร์คโดยไม่ได้เป็นสมาชิกหรือใช้บริการแบบวันเดย์พาส (one-day-pass) เฉลี่ยเดือนละ 9,000 คน รวมผู้ใช้บริการที่ไม่ใช่สมาชิกตั้งแต่ตุลาคม 2550 ถึงพฤษภาคม 2551 จำนวน 68,000 คน เปิดเผยตัวเลขสถิติผู้ใช้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550-เดือนพฤษภาคม 2551
โดยที่ 60% ของผู้ใช้บริการอยู่ในวัย 10-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รองลงมาคือ ผู้มีอายุ 25-39 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณพ่อคุณแม่ (25%) และเด็กๆ อายุ 1-10 ปี (13%) สถิติการใช้บริการของสมาชิก 148,000 ครั้ง ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเฉลี่ย 6 ครั้งในเวลา 8 เดือน ซึงเป็นสถิติที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ.2550 ซึ่งสมาชิกใช้บริการเฉลี่ยปีละ 7 ครั้ง
ปัจจุบันทีเคพาร์คมีหนังสือประมาณ 50,000 เล่ม สถิติการยืมหนังสือ เดือนละ 5,000 ครั้ง และการใช้หนังสือในห้องสมุดเดือนละ 10,000 ครั้ง นอกจากนี้ TK park ยังมีเว็บไซต์สร้างสรรค์ Digital TK www.tkpark.or.th ซึ่งผู้ใช้บริการจำนวน 70,000-120,000 ครั้งต่อเดือน โดยจำนวนผู้ใช้บริการ จำนวนเฉลี่ยเดือนละ 11,000 Unique IP.
“สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ได้เดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานเพื่อพัฒนานิสัยการอ่าน และการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยการเสริมสร้างต้นแบบแหล่งการเรียนรู้ การดำเนินกิจกรรมและโครงการเรียนรู้ต่างๆ ที่ห้องสมุดมีชีวิตอุทยานการเรียนรู้ ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ การให้บริการยืมหนังสือ สื่อการเรียนรู้หลากหลายประเภท การใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูลความรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็ก สำหรับวัยรุ่น สำหรับผู้ปกครอง และจัดการอบรมเพื่อสร้างเสริมทักษะการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากเยาวชนและผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก”
ผอ.สำนักงานฯ กล่าวต่อว่า แต่ปัญหาที่พบในช่วงการบริหารงานในครึ่งปีแรก ก็คือ เยาวชนในช่วงวัยรุ่นขาดหายไป มีเฉพาะเด็กเล็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองพามาใช้บริการ และเด็กโตในระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น จึงได้ทำการสำรวจสอบถามเยาวชนที่มาใช้ ปรากฎว่าเด็กเหล่านี้มีความกังวลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และมีจำนวนมากที่จับกลุ่มกันไปติวตามที่ต่างๆ รวมถึงเด็กเหล่านี้บางกลุ่ม ก็ได้ให้ความสนใจในด้านดนตรีและไอที ที่เป็นเรื่องที่มาแรงและเป็นสิ่งดึงดูดใจของบรรดาวัยรุ่น
“พอทีนี้เรารู้ว่าเด็กบางคนยังสับสนในการเลือกฝันของตนเอง บางคนก็กังวลกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราจึงเห็นว่าเป็นส่วนที่ทีเคพาร์คยังไม่มี จึงได้จัดทำโครงการใหม่อีก 7 โครงการ ทั้งเพื่อตอบโจทย์ของเด็กที่กังวลเกี่ยวกับอนาคตและการเรียนต่อ รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กๆ สนใจ ทั้งดนตรี ไอที และอุปกรณ์กล้องดิจิตอล รวมไปถึงกิจกรรมที่ทำได้ทั้งครอบครัวด้วย” พร้อมทั้งได้แจกแจงทั้ง 7 โครงการ คือ โครงการลูกรักนักอ่าน เป็นโครงการที่มุ่งทำงานพ่อแม่ผู้ปกครองในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กตั้งแต่วัยทารก ด้วยกิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านการอ่านแก่ลูกน้อย, โครงการต้นกล้าแห่งอนาคต เพื่อแนะแนวหรือสอนเสริมนอกชั้นเรียน แนะนำการเลือกศึกษาต่อ และการเรียนรู้จากประสบการณ์ของพี่ๆ และผู้ใหญ่ที่ทำงานจริงในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกสาขาเรียนหรือเลือกอาชีพในอนาคตที่สนใจ รวมไปถึงการต่อยอดพัฒนาเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่อสำหรับเด็กและเยาวชนไทย
โครงการเรียนตัวโน้ต เล่นทำนอง ร้องเป็นเพลง เป็นโครงการการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนโดยเริ่มจากดนตรีที่เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่สนใจ จุดประกายสร้างสรรค์ด้วยดนตรี ทำความรู้จักศิลปะดนตรี และการเล่นดนตรีเบื้องต้น และสามารถพัฒนาไปสู่วิชาชีพได้ในอนาคต
โครงการ IT@White Club คลับสีขาวของคนรักไอที จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในการใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เพื่อการแสวงหาความรู้ ความสนุกสนาน และการพัฒนาทักษะอย่างสร้างสรรค์ โดยมีกิจกรรมสำหรับกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็กเล็กที่เริ่มหัดใช้คอมพิวเตอร์ เยาวชน และผู้ปกครอง
โครงการเรียนรู้ผ่านเลนส์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านภาพยนตร์ และการเรียนรู้การดูภาพยนตร์อย่างสร้างสรรค์ มีความเข้าใจถึงศิลปะ และสาระที่แฝงในภาพยนตร์ และการทำความเข้าใจจุดเด่นของภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลต่างๆ
โครงการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ 1 วันที่ TK park เป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการแสวงหาความรู้ โดยเปิดโอกาสให้คณะนักเรียนได้เข้ามาแสวงหาประสบการณ์ร่วมกันในการเรียนรู้นอกห้องเรียน และจุดประกายนิสัยรักการอ่านด้วยกิจกกรมที่สร้างความสนใจในหนังสือ และการผสมผสานกิจกรรมดนตรี มัลติมีเดีย และไอที ที่ทำได้ในเวลา 1 วัน
และโครงการหนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง หรือห้องสมุดมีชีวิตเคลื่อนที่ (TK Mobile Library) เป็นโครงการสร้างทัศนคติ และกระตุ้นความสนใจในการอ่าน สำหรับกลุ่มเป้าหมายชุมชนที่ขาดโอกาส หรือที่อยู่ห่างไกลห้องสมุด ด้วยห้องสมุดจำลองเคลื่อนที่ โดยหนังสือและสื่อที่คัดสรรกลั่นกรองจากประสบการณ์บริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิตต้นแบบ และกิจกรรมที่สนุกสนาน ให้ความรู้ และการฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะในการเรียนรู้
สำหรับทิศทางและแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 และแผนงานของปี 2552 นี้ ผลบุญ กล่าวว่า จะมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จตามแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554) ที่มุ่งเน้นการขยายผล การเสริมสร้างความเป็นต้นแบบของแหล่งการเรียนรู้ที่ ‘ห้องสมุดมีชีวิตอุทยานการเรียนรู้” ในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาศูนย์อุทยานการเรียนรู้ในส่วนภูมิภาค รวมทั้งขยายเครือข่ายร่วมพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ หรือห้องสมุดมีชีวิตระดับจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมการพัฒนาการแหล่งเรียนรู้ในรูปห้องสมุดมีชีวิตไปสู่ชุมชนทั่วประเทศ และการเน้นเรื่องการสร้างทัศนคติ การอ่าน การส่งเสิรมการคิดอย่างสร้างสรรค์ และการจัดทำคู่มือการบริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิต คู่มือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เพื่อการเผยแพร่ทั่วประเทศ
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ทีเคพาร์ค ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้มีการจัดการแถลงข่าว “ทีเคพาร์คโชว์ความสำเร็จและสุดยอดผลงานสร้างสรรค์แห่งปี” ขึ้น เพื่อแถลงเพื่อประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานครบครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.2551 พร้อมทั้งแถลงข่าวการจัดโครงการใหม่อีก 7 โดยมีผู้อำนวยการและผู้บริหารร่วมแถลงข่าว
น.ส.ผลบุญ นันทมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ ระบุว่า ปัจจุบันทีเคพาร์คมีสมาชิกรายปี จำนวน 26,000 คน และผู้ใช้บริการทีเคพาร์คโดยไม่ได้เป็นสมาชิกหรือใช้บริการแบบวันเดย์พาส (one-day-pass) เฉลี่ยเดือนละ 9,000 คน รวมผู้ใช้บริการที่ไม่ใช่สมาชิกตั้งแต่ตุลาคม 2550 ถึงพฤษภาคม 2551 จำนวน 68,000 คน เปิดเผยตัวเลขสถิติผู้ใช้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550-เดือนพฤษภาคม 2551
โดยที่ 60% ของผู้ใช้บริการอยู่ในวัย 10-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รองลงมาคือ ผู้มีอายุ 25-39 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณพ่อคุณแม่ (25%) และเด็กๆ อายุ 1-10 ปี (13%) สถิติการใช้บริการของสมาชิก 148,000 ครั้ง ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเฉลี่ย 6 ครั้งในเวลา 8 เดือน ซึงเป็นสถิติที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ.2550 ซึ่งสมาชิกใช้บริการเฉลี่ยปีละ 7 ครั้ง
ปัจจุบันทีเคพาร์คมีหนังสือประมาณ 50,000 เล่ม สถิติการยืมหนังสือ เดือนละ 5,000 ครั้ง และการใช้หนังสือในห้องสมุดเดือนละ 10,000 ครั้ง นอกจากนี้ TK park ยังมีเว็บไซต์สร้างสรรค์ Digital TK www.tkpark.or.th ซึ่งผู้ใช้บริการจำนวน 70,000-120,000 ครั้งต่อเดือน โดยจำนวนผู้ใช้บริการ จำนวนเฉลี่ยเดือนละ 11,000 Unique IP.
“สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ได้เดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานเพื่อพัฒนานิสัยการอ่าน และการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยการเสริมสร้างต้นแบบแหล่งการเรียนรู้ การดำเนินกิจกรรมและโครงการเรียนรู้ต่างๆ ที่ห้องสมุดมีชีวิตอุทยานการเรียนรู้ ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ การให้บริการยืมหนังสือ สื่อการเรียนรู้หลากหลายประเภท การใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูลความรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็ก สำหรับวัยรุ่น สำหรับผู้ปกครอง และจัดการอบรมเพื่อสร้างเสริมทักษะการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากเยาวชนและผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก”
ผอ.สำนักงานฯ กล่าวต่อว่า แต่ปัญหาที่พบในช่วงการบริหารงานในครึ่งปีแรก ก็คือ เยาวชนในช่วงวัยรุ่นขาดหายไป มีเฉพาะเด็กเล็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองพามาใช้บริการ และเด็กโตในระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น จึงได้ทำการสำรวจสอบถามเยาวชนที่มาใช้ ปรากฎว่าเด็กเหล่านี้มีความกังวลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และมีจำนวนมากที่จับกลุ่มกันไปติวตามที่ต่างๆ รวมถึงเด็กเหล่านี้บางกลุ่ม ก็ได้ให้ความสนใจในด้านดนตรีและไอที ที่เป็นเรื่องที่มาแรงและเป็นสิ่งดึงดูดใจของบรรดาวัยรุ่น
“พอทีนี้เรารู้ว่าเด็กบางคนยังสับสนในการเลือกฝันของตนเอง บางคนก็กังวลกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราจึงเห็นว่าเป็นส่วนที่ทีเคพาร์คยังไม่มี จึงได้จัดทำโครงการใหม่อีก 7 โครงการ ทั้งเพื่อตอบโจทย์ของเด็กที่กังวลเกี่ยวกับอนาคตและการเรียนต่อ รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กๆ สนใจ ทั้งดนตรี ไอที และอุปกรณ์กล้องดิจิตอล รวมไปถึงกิจกรรมที่ทำได้ทั้งครอบครัวด้วย” พร้อมทั้งได้แจกแจงทั้ง 7 โครงการ คือ โครงการลูกรักนักอ่าน เป็นโครงการที่มุ่งทำงานพ่อแม่ผู้ปกครองในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กตั้งแต่วัยทารก ด้วยกิจกรรมเสริมพัฒนาการด้านการอ่านแก่ลูกน้อย, โครงการต้นกล้าแห่งอนาคต เพื่อแนะแนวหรือสอนเสริมนอกชั้นเรียน แนะนำการเลือกศึกษาต่อ และการเรียนรู้จากประสบการณ์ของพี่ๆ และผู้ใหญ่ที่ทำงานจริงในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกสาขาเรียนหรือเลือกอาชีพในอนาคตที่สนใจ รวมไปถึงการต่อยอดพัฒนาเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่อสำหรับเด็กและเยาวชนไทย
โครงการเรียนตัวโน้ต เล่นทำนอง ร้องเป็นเพลง เป็นโครงการการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนโดยเริ่มจากดนตรีที่เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่สนใจ จุดประกายสร้างสรรค์ด้วยดนตรี ทำความรู้จักศิลปะดนตรี และการเล่นดนตรีเบื้องต้น และสามารถพัฒนาไปสู่วิชาชีพได้ในอนาคต
โครงการ IT@White Club คลับสีขาวของคนรักไอที จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในการใช้คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เพื่อการแสวงหาความรู้ ความสนุกสนาน และการพัฒนาทักษะอย่างสร้างสรรค์ โดยมีกิจกรรมสำหรับกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็กเล็กที่เริ่มหัดใช้คอมพิวเตอร์ เยาวชน และผู้ปกครอง
โครงการเรียนรู้ผ่านเลนส์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านภาพยนตร์ และการเรียนรู้การดูภาพยนตร์อย่างสร้างสรรค์ มีความเข้าใจถึงศิลปะ และสาระที่แฝงในภาพยนตร์ และการทำความเข้าใจจุดเด่นของภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลต่างๆ
โครงการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ 1 วันที่ TK park เป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการแสวงหาความรู้ โดยเปิดโอกาสให้คณะนักเรียนได้เข้ามาแสวงหาประสบการณ์ร่วมกันในการเรียนรู้นอกห้องเรียน และจุดประกายนิสัยรักการอ่านด้วยกิจกกรมที่สร้างความสนใจในหนังสือ และการผสมผสานกิจกรรมดนตรี มัลติมีเดีย และไอที ที่ทำได้ในเวลา 1 วัน
และโครงการหนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง หรือห้องสมุดมีชีวิตเคลื่อนที่ (TK Mobile Library) เป็นโครงการสร้างทัศนคติ และกระตุ้นความสนใจในการอ่าน สำหรับกลุ่มเป้าหมายชุมชนที่ขาดโอกาส หรือที่อยู่ห่างไกลห้องสมุด ด้วยห้องสมุดจำลองเคลื่อนที่ โดยหนังสือและสื่อที่คัดสรรกลั่นกรองจากประสบการณ์บริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิตต้นแบบ และกิจกรรมที่สนุกสนาน ให้ความรู้ และการฝึกปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะในการเรียนรู้
สำหรับทิศทางและแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 และแผนงานของปี 2552 นี้ ผลบุญ กล่าวว่า จะมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จตามแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554) ที่มุ่งเน้นการขยายผล การเสริมสร้างความเป็นต้นแบบของแหล่งการเรียนรู้ที่ ‘ห้องสมุดมีชีวิตอุทยานการเรียนรู้” ในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาศูนย์อุทยานการเรียนรู้ในส่วนภูมิภาค รวมทั้งขยายเครือข่ายร่วมพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ หรือห้องสมุดมีชีวิตระดับจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมการพัฒนาการแหล่งเรียนรู้ในรูปห้องสมุดมีชีวิตไปสู่ชุมชนทั่วประเทศ และการเน้นเรื่องการสร้างทัศนคติ การอ่าน การส่งเสิรมการคิดอย่างสร้างสรรค์ และการจัดทำคู่มือการบริหารจัดการห้องสมุดมีชีวิต คู่มือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เพื่อการเผยแพร่ทั่วประเทศ
