กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตือนไข้เลือดออก "เดงกีซีโรทัยป์ 3" มีการระบาดสูงขึ้นจากเดิม 7.4 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2549 เป็น 20.7 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2551 โดยเฉพาะภาคกลางและมีแนวโน้มระบาดหนักทั่วประเทศ แนะประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบสัดส่วนของเชื้อไวรัสไข้เลือดออกซีโรทัยป์ 3 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และอาจทำให้เกิดการระบาดใหญ่ของโรคไข้เลือดออกซีโรทัยป์ดังกล่าวทั่วประเทศ เพราะจากการเฝ้าระวังในช่วงปี พ.ศ.2546-2549 ทุกภูมิภาคของประเทศไทย พบสัดส่วนของเชื้อไวรัสเดงกีซีโรทัยป์ 3 ต่ำมาก คือ ประมาณ 2.6-7.4% ทำให้เด็กส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสดังกล่าว แต่ในการเฝ้าระวังตั้งแต่เดือน พ.ค.2550 พบว่า ภาคกลางมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 18.2% และการเฝ้าระวังเพิ่มสูงเป็น 20.7% ในเดือน ม.ค.-มี.ค.2551 ส่วนภาคอื่นๆ ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่มีโอกาสแพร่กระจายจากภาคกลางได้ ซึ่งอาจจก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ทั่วประเทศได้
ไวรัสไข้เลือดออกมีทั้งหมด 4 ซีโรทัยป์ คือ DENV 1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 ซึ่งประเทศไทยมีเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเอกีชุกชุมมาก และพบไวรัสเดงกีทั้ง 4 ซีโรทัยป์ แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทยตลอดเวลา โดยในแต่ละปีจะมีซีโรทัยป์เด่นซีโรทัยป์หนึ่ง และจะหมุนเวียนเปลี่ยนทุก 2-4 ปี ซึ่งปกติคนเราติดเชื้อซีโรทัยป์ใดแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อซีโรทัยป์นั้นตลอดชีวิต แต่มีภูมิคุ้มกันข้ามซีโรทัยป์อื่น เพียงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6- 12 เดือน และการติดเชื้อซ้ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกที่มีความรุนแรงกว่าการติดเชื้อครั้งแรก
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีตการแพร่เชื้อไวรัสเดงกี่ก็มีการแพร่จากกรุงเทพหรือภาคกลางสู่ภาคอื่นๆ เช่น การระบาดหนักของไวรัสไข้เลือดออกในปี 2530 และปี 2543 ซึ่งเป็นการระบาดของไวรัสแดงกีซีโรทัยป์ 3 ใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ดังนั้นในปีนี้อาจมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดใหญ่ได้อีก จึงขอเตือนประชาชนให้ตระหนักในการดูและและป้องกันการแพร่ระบาด โดยการกำจัดลูกน้ำยุงลาย เช่น การปิดฝาภาชนะน้ำขัง คว่ำทำลายภาชนะที่ไม่ใช้งาน หมั่นขัดล้างเปลี่ยนน้ำภาชนะต่างๆ จัดสภาพบ้านให้เรียบร้อยไม่ให้กองวัสดุรกรุงรัง การเลี้ยงปลาหางนกยูง เป็นต้น
