หลังผ่านการขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิง ในที่สุดแชมป์วงโยธวาทิตของประเทศไทยครั้งที่ 27 ประเภทถ้วย ก.ก็ตกเป็นของแชมป์เก่าเหล่านักดนตรีจาก “ร.ร.วัดราชบพิตร” พร้อมรับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปครองเมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ร.ร.วัดราชบพิตร มีคอนเซ็ปต์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ตรงที่เพลงที่ใช้ในการแข่งขันนั้น ส่วนใหญ่จะถูกแต่งบนคอนเซ็ปต์ของวิทยาศาสตร์ โดยปีนี้พวกเขาเลือกที่จะแรงดึงดูดจากเพลง “Magnet” มาเป็นเพลงที่ใช้ในการประกวด พร้อมกับการวาดลวดลายการแสดงประกอบโดยการโชว์ธงแพรสีสด สะกดคนดูได้ชนิดลืมหายใจ
“แซม” – สรณัฐ อุณวิไล ศิษย์เก่าโรงเรียนวัดราชบพิตร ที่กลับมาเป็นครูและควบตำแหน่งผู้ควบคุมวงให้แก่ทีมโรงเรียนเก่าตัวเอง เปิดเผยว่า เป็นสไตล์หลักของวัดราชบพิตรอยู่แล้วที่มักจะแต่งเพลงประกวดวงดุริยางค์ที่เป็นแนววิทยาศาสตร์ อย่างเพลง Magnet ที่แปลว่าแม่เหล็กนี้ก็เป็นเพลงที่เขาแต่งเพื่อประกวดสนามนี้โดยเฉพาะ ใช้เวลาแต่งนานถึง 4 เดือนเลยทีเดียว
“พอเพลงเป็นเพลงแม่เหล็ก นอกจากที่เราจะเน้นด้านดนตรีที่หนักเป็นหลัก ด้านการแสดงเราก็พยายามจะทำให้กลมกลืน จะเห็นว่า เรามีทั้งโปรตรอน มีอิเล็กตรอนแทรกอยู่ในโชว์ด้วย”
เมื่อถามถึงอุปสรรคในการซ้อม ไวทยกรสุดหล่อแห่งโรงเรียนวัดราชบพิตร กล่าวว่า ยากที่สุดก็ตรงดินฟ้าอากาศ
“ร้อนไม่กลัวครับ มันพอทนได้ แต่ฝนตกนี่จบเลยครับ เครื่องดนตรีทองเหลืองทั้งนั้น ผมกลัวน้องๆ โดนฟ้าผ่า” สรณัฐ กล่าวติดตลก
นอกจากนี้ อีกทีมหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ “ร.ร.บางปะหัน” จากอยุธยาที่ได้รับรางวัลรางวัลชนะเลิศประเภท ค.พร้อมถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีนี้
ทั้งนี้ ทีม “ร.ร.บางปะหัน” โดดเด่นด้วยไอเดียสุดคูลกับคอนเซ็ปต์ “นักโทษในเมืองใหญ่” ที่หิ้วทั้งพร็อบรั้วเหล็ก 4 รางใหญ่ และบอร์ดที่ถูกเพนต์เป็นรูปป่าคอนกรีต และหมู่ตึกที่เต็มไปด้วยแสงสี และนอกจากจะเบิกโรงด้วยเพลงเลือกเร้าใจอย่าง “Criminal” แล้ว โรงเรียนบางปะหันยังเลือกชนิดการแสดงในวันนี้เป็นแบบ Program คือ มีการสอดแทรกเนื้อเรื่องลงไปด้วย โดยปล่อยตัวนักแสดงประกอบในชุดหมีสีส้มทรงนักโทษพร้อมกับกุญแจมือลงมาวิ่งในวงโยธวาทิตที่กำลังเล่นดนตรี และแปรขบวนอยู่ในสนาม ซึ่งโชว์ชุดนี้เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรเลยทีเดียว
และแน่นอนว่า ทั้งสองทีมได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันดนตรีโลกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2009