กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะนำผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมใช้ยาสมุนไพร “เถาวัลย์เปรียง” รักษาอาการปวดเมื่อย หลังศึกษาวิจัยเปรียบเทียบกลุ่มยาต้านอักเสบ พบไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีอันตราย ใช้ได้ง่ายและสะดวก ประหยัดกว่า ยาต้านอักเสบที่ราคาสูงกว่าประมาณ 4 ถึง 6 เท่า เตรียมขึ้นทะเบียนตำรับยากับอย. ถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตระดับอุตสาหกรรม
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่พบบ่อยมากในผู้สูงอายุ ในประเทศไทยพบผู้สูงอายุมากกว่า 6 ล้านคนเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โดยพบในผู้ป่วยวัย 50 ปีขึ้นไปมากถึงร้อยละ 40 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการปวดเข่าและไม่สามารถทำงานหรือดำรงชีวิตได้อย่างปกติ การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมคือการบริหารกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยต้องได้รับยาแก้ปวดร่วมด้วย ซึ่งได้แก่ยาลดการอักเสบในกลุ่ม NSAIDS แต่มีฤทธิ์ข้างเคียงที่สำคัญคือระคายเคืองและทำให้เกิดแผลในระบบทางเดินอาหารและยามีราคาแพง สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้ดำเนินการศึกษาวิจัยสมุนไพร “เถาวัลย์เปรียง” ใช้ในการรักษาผู้ป่วยทดแทนการนำเข้ายาจากต่างประเทศ
"จากการวิจัย “เถาวัลย์เปรียง” พบว่าสารสกัดจากลำต้นมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ สามารถใช้แทนยาแก้อักเสบที่เป็นยาแผนปัจจุบันเพื่อรักษาโรคปวดหลังส่วนล่างได้ ขณะนี้ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกในคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"นพ.มานิตกล่าว
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อว่า ทางสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการศึกษาความปลอดภัยของสารสกัดเถาวัลย์เปรียง เมื่อทำการทดลองความเป็นพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในสัตว์ทดลองพบว่ามีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ยังได้ทดสอบสรรพคุณในอาสาสมัครโดยร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราช ในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมโดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับยาต้านอักเสบ Naproxen และกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงก็พบว่าสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียงมีประสิทธิผลในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมได้ดี และมีแนวโน้มว่าปลอดภัยกว่ายา Naproxe เพราะพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยา Naproxen มีอาการหิวบ่อย แสบท้อง จุกเสียด แน่นท้อง ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงไม่มีอาการข้างเคียงดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบราคาของแคปซูลที่บรรจุสารสกัดเถาวัลย์เปรียง 400 มก. กับยาแก้อักเสบ NSAIDS พบว่าแคปซูลที่บรรจุสารสกัดเถาวัลย์เปรียงมีราคาไม่เกิน 10 บาท ส่วนยากลุ่ม NSAIDSที่ระบุว่าไม่ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารมีราคาสูงกว่าประมาณ 4 ถึง 6 เท่า
นพ.มานิต กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหาร-และยา เพื่อขึ้นทะเบียนตำรับยาแล้ว และอยู่ระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้องค์การเภสัชกรรมในการสกัดสารสำคัญเพื่อให้มีการผลิตเป็นยาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรมให้มีการใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเพื่อให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ได้นำไปใช้กับผู้ป่วยในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ในแถบภาคเหนือและอีสานที่มักเจ็บป่วยด้วยโรคปวดหลังและปวดตามข้อหรืออาจถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตในระดับชุมชนเพื่อให้มีการนำไปใช้รักษาอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โทร. 02-9510000 ต่อ 99386 , 99486