กรมอนามัยรุกกลุ่มหญิงวัยแรงงานอายุระหว่าง 30-45 ปี เร่งตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA เจ๋งสุด รู้ผลทันใจและรักษาด้วยวิธีจี้เย็น พร้อมวางแผนขยายการดำเนินงานครอบคลุมทั่วประเทศ
วันนี้ (2 พ.ค.) นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยเกี่ยวกับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในการประชุมการสื่อสารในงานอนามัยการเจริญพันธุ์ว่า ปัจจุบันมะเร็งระบบสืบพันธุ์ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกแม้ว่าจะเป็นสาเหตุของอัตราป่วยและอัตราตายของสตรีไทย แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ถ้าตรวจพบและได้รับการรักษาตั้งแต่เยื่อบุปากมดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยข้อจำกัดของกระบวนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทำให้ความครอบคลุมของการตรวจคัดกรองปากมดลูกของสตรีไทยค่อนข้างต่ำ ซึ่งผู้ป่วยที่พบใหม่มักเกิดในประเทศที่มีการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไม่มีประสิทธิภาพ สตรียังเข้าไม่ถึงบริการการคัดกรอง สตรีขาดความรู้ในการดูแลตนเองและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการแต่ละครั้ง
สำหรับประเทศไทยนั้น พบอัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นเป็น 24.7 ต่อ 100,000 ประชากร และจากการคาดประมาณในฐานข้อมูลระบบทะเบียนมะเร็งช่วงปี 2532 - ปี 2543 พบว่า ผู้ป่วยรายใหม่มีแนวโน้มที่สูงขึ้นจากจำนวน 4,353 ราย ในปี 2533 เป็น 9,747 ราย ในปี 2543
นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น กรมอนามัยได้ร่วมมือกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และองค์การ JHPIEGO ได้นำเทคนิคการตรวจคัดกรองด้วยวิธี VIA (Visual Inspection with Acetic acid) และรักษาด้วยวิธีจี้เย็นมาใช้ โดยเป็นการตรวจคัดกรองที่สามารถรับทราบผลได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีการขยายการดำเนินงานไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด หนองคาย ยโสธร อำนาจเจริญ สุราษฎร์ธานี อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช น่าน เพชรบูรณ์ กระบี่ ตาก ลพบุรี สระแก้ว มุกดาหาร และศูนย์เขตของกรมอนามัย โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องเร่งคัดกรองมะเร็งปากมดลูกคือสตรี วัยแรงงานอายุระหว่าง 30-45 ปี ซึ่งขณะนี้ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระยะก่อนเป็นมะเร็งด้วยวิธี VIA ประมาณ 3 แสนคน ในจำนวนนี้ได้รับการจี้เย็นประมาณร้อยละ 5-8 โดยพยาบาลวิชาชีพที่ผ่านการอบรมจำนวน 569 คน และมีการส่งต่อเมื่อเกินขอบเขตความสามารถ
“ทั้งนี้ ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยคือ การคัดกรองด้วยวิธี VIA ทุก 10 ปี สำหรับสตรีอายุ 30-40 ปี ร่วมกับการคัดกรองด้วยวิธี Pap smear ทุก 10 ปี สำหรับสตรีอายุ 50-60 ปี ซึ่งจะใช้งบประมาณน้อยกว่าการคัดกรองด้วยวิธี Pap smear เพียงอย่างเดียวและช่วยยืดอายุเฉลี่ยของ สตรีไทยด้วย โดยในปี 2551 กรมอนามัยได้เตรียมการศึกษาเพื่อขยายผลการดำเนินงานการตรวจคัดกรองในรูปแบบดังกล่าวให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเริ่มนำร่องใน 6 จังหวัด ที่ดำเนินงานโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ครบวงจร ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก อุตรดิตถ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และนครศรีธรรมราช” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว