ว่ากันว่าหากค้นพบเหตุ ก็จะพบทางออกของปัญหาต่างๆ ได้ ปัญหาสุขภาพก็เช่นกัน แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่ลืมตาดูโลก พระเจ้าได้ให้ต้นทุนสุขภาพแก่มนุษย์เพื่อที่จะดำรงชีวิตในโลกมาสมบูรณ์อย่างเท่าเทียม นั่นคือ เอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร และกำจัดของเสียในร่างกาย
เปรียบได้กับหากเปิดบัญชีที่มีวงเงินอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อถอนมาใช้เรื่อยๆ โดยไม่มีการฝากเพิ่มนั้น เงินนั่นก็เริ่มร่อยหรอลงไป เสมือนการใช้ร่างกายที่มีสุขภาพสมบูรณ์ไปทุกๆ วัน โดยมิได้มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเลย ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะทำให้รู้ได้ว่า ร่างกายมีอะไรที่เพิ่มเติมมา หรือมีสิ่งใดที่ขาดควรเพิ่มเติมและบำรุงรักษาให้ถูกต้อง
จุลินทรีย์มีประโยชน์ สู่การบำบัดโรค
ดร.วิสุทธิ์ จันทวิชญสุทธิ์ ผู้ค้นพบจุลินทรีย์กลุ่มไบโอติก กล่าวว่า ได้ค้นพบจุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า “ไบโอวิสท์” ซึ่งมีคุณสมบัติย่อยของเสียในธรรมชาติให้มีขนาดเล็กลง อีกทั้งยังช่วยกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และเชื้อโรคที่เป็นอันตรายไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการค้นพบนี้อยู่ในเขตป่าชายเลนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อ 13 ปีก่อน โดยบังเอิญ ทำให้พบว่าตะกอนน้ำโคลนที่ถูกน้ำทะเลพัดมานั้นสะอาดมาก ไม่มีสารพิษ หรือยาฆ่าแมลงทั้งๆ ที่พื้นที่ใกล้เคียงมีการใช้สารเคมีค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่ค้นพบกลับเป็นจุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแลคติก ซึ่งมีคุณสมบัติในการย่อยสลาย จึงทำให้ป่าชายเลนบริเวณนั้นมีโอโซนมาก และเป็นที่ซึ่งระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุด นับจากการค้นพบนั้นจึงมีทำให้มีการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของยาเพื่อรักษาโรคเรื่อยมา
“เทคนิคการผลิตจะนำจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ 5 ชนิดในกลุ่มนี้ เพาะเลี้ยงให้อยู่รวมกันแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (Symbiosis) โดยให้อาหารเลี้ยงเชื้อเป็นธัญพืช เช่น รำสกัด จมูกข้าวสาลี กากถั่วเหลืองและนมผง ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว หลังจากนั้น จึงนำไปทำแห้งโดยวิธี Freeze Dry เพื่อให้เชื้อหยุดการเจริญเติบโต อีกทั้งช่วยป้องกันสารอินทรีย์ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมา เช่น เอนไซม์ กรดอินทรีย์ ไวตามิน ไม่ให้ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไป เหมือนการทำให้แห้งด้วยความร้อนสูงจึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง ทำงานได้อย่างรวดเร็ว”
ดร.วิสุทธิ์ ยังบอกอีกว่า เอนไซม์กลุ่มไบโอวิสท์นั้น หากนำมาใช้กับคนจะช่วยในการย่อยอาหาร และรักษาโรคอันเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคเกาต์ เบาเหวาน พากินสัน หรืออัลไซเมอร์ เหตุที่มีคนเป็นโรคเหล่านี้มากขึ้นก็เพราะอุปนิสัยการกินที่เกินความจำเป็น และไม่มีความสมดุลในแต่ละมื้อตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งโดยมากแล้วจะเน้นโปรตีนเป็นหลักแทนที่จะเป็นผักใบเขียว
“สาเหตุของการเสียชีวิตในปัจจุบันหากเทียบสัดส่วนแล้วจะพบว่า การเสียชีวิตจากเชื้อโรคนั้นไม่มากนัก แต่จะมีคนเสียชีวิตจากโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคเป็นส่วนใหญ่ เช่น เบาหวาน มะเร็ง อัลไซเมอร์ พากินสัน เป็นต้น และย้อนไปมองต้นเหตุของโรคพวกนี้มาจากอะไรก็จะพบอีกว่า ร่างกายของคนเราในปัจจุบันไม่สามารถที่จะเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปได้ไม่สมบูรณ์ จึงก่อให้เกิดการสะสม ทั้งน้ำตาล ไขมัน หรือทำให้เกิดกลิ่นตัว ซึ่งหลักการทำงานของเอนไซม์บำบัดนี้จะเข้าไปช่วยอาหาร และเติมเต็มเอนไซม์ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น โรคเบาหวานที่ปัจจุบันแพทย์จะรักษาโดยการฉีดอินซูลินให้ผู้ป่วย ซึ่งผมคิดว่ามันคือยาพิษ ซึ่งอินซูลินนี้จะขนน้ำตาลเข้าไปในเลือดเพื่อที่จะนำไปไว้ในเซลล์ แล้วร่างกายเราก็ต้องการน้ำเพื่อที่จะไปทำให้น้ำตาลในเลือดเจือจาง ส่งผลให้ตัวบวม และถ้าอินซูลินเข้าไปที่ไหนที่นั่นก็บวม เข้าไปในไตก็จะบวม ส่งผลให้ไตวายในที่สุด”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องกลิ่นตัวแล้ว หากสังเกตจะพบว่าเด็กวัยแรกเกิดถึงก่อนเป็นหนุ่มเป็นสาวจะไม่มี กลิ่นตัว นั่นเพราะว่าในเด็กเล็กนั้นยังมีกระบวนการย่อยที่สมบูรณ์อยู่ และมีเอนไซม์สูงมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ระบบการเผาผลาญจึงรวดเร็ว และไม่มีการสะสมของแป้ง น้ำตาล หรือไขมัน เว้นแต่เด็กที่รับประทานโปรตีนมากจนเกินไป ซึ่งนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กกลุ่มนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่สุขภาพย่ำแย่ตามมา
ยกเครื่องเซลล์ด้วยเอนไซม์สำเร็จรูป
ดร.วิสุทธิ์ แนะวิธีแก้ปัญหาสุขภาพของผู้ใหญ่ด้วยเอนไซม์สำเร็จรูปที่ผลิตจากจุลินทรีย์กลุ่มไบโอวิสท์ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Kis lip ที่อยู่ในรูปแบบลูกอม จะช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัส ระบบทางเดินอาหาร Real one บำบัดอาการเบาหวาน เกาต์ SLE เรื้อนกวาง และสะเก็ดเงิน Falicia บำบัดโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค เช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ พากินสัน ความดัน และบำรุงกระแสประสาท โดยการทำงานของเอนไซม์อัดเม็ดนี้จะเริ่มตั้งแต่แตกตัวในปากเข้าไปบูรณาการเซลล์ให้กลับมามีชีวิตและทำงานได้สมบูรณ์อีกครั้ง
“การยกเครื่องเอนไซม์ให้กลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งนั้น เหมือนกันกับการเติมน้ำให้ชีวิตที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อให้เรียบเสมอกัน แม้อายุจะมากแล้วก็สามารถปึ๋งปั๋งได้ โดยการทำงานของเอนไซม์จะมีทั้งช่วยย่อยอาหาร สมานแผลเร็ว ยกตัวอย่างเช่น ลูกอม kis lip ที่ช่วยระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เมื่ออมเข้าไปโดยประมาณ 30 นาที จะรู้สึกได้ว่าร่างกายเริ่มร้อน อาหารย่อย และกลิ่นปากหายไป เนื่องจากเอนไซม์ตัวนี้จะเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ไร้ประโยชน์ และเพิ่มเติมเอนไซม์ในการช่วยย่อย ดังนั้น ก็จะรู้สึกปลอดโปร่งบริเวณช่องปาก และรู้สึกหิวอาหารแต่ไม่มีอาหารท้องอืดหรือเฟ้อ ทั้งนี้ เพราะกระบวนการย่อยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ในญี่ปุ่นจะมีเห็ดชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคเบาหวาน บำรุงกระแสประสาท และมะเร็ง มาผลิตเอนไซม์เช่นเดียวกัน นั่นคือ เห็ดชิทาเกะ หรือเห็ดหัวลิง”
นอกจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแล้ว จุลินทรีย์ไบโอวิสท์ยังเข้ามามีบทบาทต่อการบำบัดสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ดร.วิสุทธิ์ ได้ทดลองกับการกำจัดขยะในเขตกทม. ซึ่งช่วยเรื่องการกำจัดกลิ่นได้เป็นอย่างดี แล้วพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน และเครื่องสำอาง เช่น สบู่กำจัดกลิ่น เป็นต้น
“ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ได้รับการรับรองว่า มีค่าความเป็นพิษต่ำไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง จากหลายหน่วยงาน อาทิ สถาบันวิจัยอาหารจากประเทศญี่ปุ่น,สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สถาบัน วว.) หน่วยบริการเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมเกษตร, คณะอุตสาหกรรมเกษตร, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” ดร.วิสุทธิ์ กล่าวยืนยัน
การการันตีจากหลายสถาบันเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพของเอนไซม์ ว่า มีความสำคัญกับชีวิตคนเราก็จริง แต่ในชีวิตหนึ่งจะให้กินแต่อาหารเสริมก็กระไรอยู่ ดังนั้น วิธีเพิ่มเอนไซม์อย่างธรรมชาติที่ดีสุด ก็คือ การรับประทานอาหารที่ได้สมดุลและเป็นหมวดหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้สดอาหารที่เปี่ยมด้วยเอนไซม์ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสด หรืออาหารดองที่ผ่านกรรมวิธีที่สะอาดโดยไม่ต้องผ่านการปรุง เช่น แหนมสด กิมจิ เป็นต้น ร่างกายก็จะได้รับกรดอะมิโนและเอนไซม์ช่วยย่อยดีไม่แพ้กัน
สนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกี่ยวกับเอนไซม์เพิ่มเติมได้ที่ โครงการผู้จัดการสุขภาพ 0-2629-2211 ต่อ 1117 1118 1124 1152 โดย ดร.วิสุทธิ์ จะมาเป็นวิทยากรในงานผู้จัดการสุขภาพ ในวันที่ 30 มีนาคม เวลา 15.15-17.15 น.