ณ บัดนี้ทั่วแผ่นดินสยามได้อื้ออึงอลไปด้วยเสียงสะอื้นพร่ำร่ำไห้ จากการที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสู่สวรรคาลัย ยังความกำสรดเศร้าให้แผ่คลุมไปทั่วทุกห้วงดวงใจของคนไทยทั้งประเทศ ทุกๆ รอยน้ำตาที่หลั่งไหลนั้น เต็มไปด้วยเงาสะท้อนแห่งเจ้าฟ้าผู้เสด็จลับเลือนหาย เหลือเพียงคุณประโยชน์อันไพศาล จากพระกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อแผ่นดินไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ
โดยเฉพาะประชาชนผู้ที่เคยมีโอกาสชมพระบารมีอยู่เนืองๆ เช่นประชาชนในชุมชนย่านซอยแสงมุกดา สุขุมวิท 43 เขตวัฒนา อันเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพระตำหนักวิลล่าวัฒนา วังเลอดิส อันเป็นวังที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพ แต่มาบัดนี้ โพธิ์แก้วโพธิ์ทองของคนเหล่านี้ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยเสียแล้ว ทำให้ชุมชนหลังวังแห่งนี้ต้องประสบกับอุทกภัยจากน้ำตาของผู้ที่เคยร่มเย็นเป็นสุขจากพระบารมีของพระองค์
เหมือนกับที่หญิงชราเจ้าของร่างบอบบางอ่อนแรง ย่างเดินช้าๆ ด้วยแข้งขากะโผลกกะเผลกออดแอด ผมสีดอกเลาซีดจางด้วยเพราะวัยใกล้ 80 ปี อย่างคุณยายอุไร ชนะมาร ผู้ซึ่งอาศัยอยู่หลังวังเลอดิสกว่าครึ่งศตวรรษ ดวงตาฟ้าฟางที่มีหยาดน้ำใสเอ่อคลอขังอยู่ตลอดเวลาเหม่อมองไปไกลขณะย้อนรอยความทรงจำอันแจ่มชัดที่ประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือว่า
เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ยังทรงมีพระชนม์อยู่นั้น พระองค์โปรดที่จะทรงจูงสุนัขทรงเลี้ยงออกมาดำเนินสำราญพระอิริยาบถในสวน จนกลายเป็นภาพที่คุ้นตาต่อคนในชุมชนหลังวังเลอดิสทุกคนที่มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมี ด้วยพระองค์ทรงมีพระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายและงดงาม ยังความชุ่มชื่นทั้งหัวใจและนัยน์ตาแก่ทุกผู้คนที่มีโอกาสได้ชมพระบารมี
หญิงชราผู้ผ่านชีวิตมาเกือบ 8 ทศวรรษ ได้ถ่ายทอดพระราชจริยวัตรอันงดงามแห่งเจ้าฟ้าผู้เสด็จสู่สวรรคาลัยต่อไปอีกว่า เท่าที่ยายอุไรได้ชื่นชมพระบารมีนั้น พบว่าพระองค์ท่านทรงรักสุนัขทรงเลี้ยงของท่านมาก และไม่ว่าพระองค์จะเสด็จออกจากพระตำหนักมายังสวนหลังวังคราใด ก็มักจะทรงจูงสุนัขทรงเลี้ยงออกมาด้วยเสมอ
“ยายได้มีโอกาสเห็นพระองค์ท่านมาตั้งแต่ยายอายุ 15 ปี และมีโอกาสเข้าไปในวังเลอดิสครั้งนึงเพราะอยากเฝ้าฯ พระองค์ท่าน แต่วันนั้นเข้าไปก็ไม่ได้เฝ้าฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าท่านบรรทมอยู่ ยังไม่ตื่น และแม้ว่ายายจะย้ายจากบ้านที่เคยอาศัยอยู่หลังวังเลอดิสมาอยู่บ้านที่เมืองนนท์ได้ 2-3 ปีแล้วเพราะเจ้าของบ้านเขาไล่ที่ แต่เมื่อหยิบรูปท่านขึ้นมาดูทีไรก็จะคิดถึงท่านทุกที และต่อไปนี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่านอีกต่อไปแล้ว เมื่อยายทราบข่าวก็ตกใจมาก วันแรกที่ท่านสิ้นพระชนม์ลูกๆ ก็ไม่ยอมบอก กลัวยายเสียใจ เพราะทุกคนรู้ว่ายายรักท่านมาก”
แต่ในที่สุด ยายอุไรก็ทราบข่าวร้ายนี้จนได้ ดวงใจอันเข้มแข็งเต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี ได้พาสังขารอันร่วงโรยของยายมาจนถึงศาลาสหทัยสมาคมตอนใกล้เที่ยงของวันนี้ (4 ม.ค.) ยายอุไรในชุดเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ ค่อยๆ เดินเข้าประตูศาลาสหทัยสมาคม และด้วยความเอื้อเฟื้อของเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังที่ได้เข้าประคองยายเข้าไปกราบสักการพระศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์เจ้าฟ้าผู้เป็นสุดบูชาของยาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่คนเดิมได้ประคองยายมายังเก้าอี้ลงนามถวายสักการะ มือเหี่ยวย่นสั่นน้อยๆ หยิบบัตรประชาชนเก่าคร่ำคร่าส่งให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังช่วยเขียนชื่อให้ จากนั้นยายอุไรก็ได้รับหนังสือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 6 พฤษภาคม 2550
และทันทีที่ได้รับหนังสือปกสีฟ้าที่มีพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงแย้มพระสรวลอย่างงดงามอยู่บนปกนี้ ยายอุไรถึงกับยกหนังสือปิดหน้าร่ำไห้โฮด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ยังความโศกเศร้าแก่ประชาชนผู้มาถวายสักการะเป็นเท่าทวีคูณ