ประชาชนแต่งกายชุดดำรอส่งพระศพ “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ” แน่นศิริราช และตลอดเส้นทางขบวนพระศพผ่าน พสกนิกรถวายความอาลัย สำนึกพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุด
ในเวลา 13.12 น. สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 13.30 น
ในเวลาเดียวกันนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อร่วมส่งเสด็จพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ต่อมาเวลา 14.06 น.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินขึ้นอาคารเฉลิมพระเกียรติ
อนึ่ง สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม จะเป็นผู้นำพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ออกจาก รพ.ศิริราช
นางบรรจง บุญพันธุ์ อายุ 68 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ใน กทม.กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.ที่ผ่านมา ได้เปิดโทรทัศน์และทราบข่าวจากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ว่าสมเด็จพระพี่นางเธอฯ สิ้นพระชนม์ รู้สึกเสียใจ และสำนึกพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ทรงสานต่อโครงการ พอ.สว.จากสมเด็จย่า และได้เดินทางไปทุกอำเภอ ทุกจังหวัดที่เป็นถิ่นทุรกันดารที่สาธารณสุขยังเข้าไปไม่ถึงมากนัก ทำให้ผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยมีพระกระแสรับสั่งให้จังหวัดต่างๆ คอยดูแลผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงตั้งมูลนิธิโรคไตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไต เพราะประชาชนจำนวนมากป่วยด้วยโรคไต และผู้ป่วยมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่ออยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ประชาชนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ พระองค์ยังมีรับสั่งให้ทำแขนขาเทียมแก่ผู้พิการทางร่างกาย ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณต่างๆ ที่พระองค์ทำ ช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมากดีขึ้น และสามารถช่วยเหลือตนเองได้
ส่วนบรรยากาศการลงนามไว้อาลัยของประชาชนภายหลังทราบข่าวสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ ที่ศาลาศิริราช 100 ปี มีประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ นักเรียน นักศึกษาเข้ามาถวายความไว้อาลัย ต่อพระบรมฉายาลักษณ์ที่สำนักพระราชวังจัดไว้ให้ภายในอาคารศิริราช 100 ปี อย่างต่อเนื่อง
นางสุนีย์ วัชตะนาวิน อายุ 72 ปี จ.กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในช่วงเช้า ก็เดินทางมาที่ รพ.ศิริราชทันที โดยก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาลงนามถวายพระพรระหว่างที่พระองค์ประชวรหลายครั้ง เมื่อทราบข่าวการสิ้นพระชนม์รู้สึกใจหายและเสียใจอย่างมาก เพราะพระองค์ท่านทำความดีเพื่อประเทศชาติหลายประการ
“พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมีประโยชน์อย่างมากต่อพสกนิกรไทย โดยส่วนตัวแล้วหากไม่ได้มูลนิธิไตเทียมในพระบรมราชานุเคราะห์ของพระองค์ ตอนนี้น้องเขยก็คงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะน้องเขยได้รับบริจาคไตจากมูลนิฯ ดังกล่าว จึงเตรียมที่จะไว้ทุกข์และถวายความไว้อาลัยให้พระองค์ 100 วัน”
นางจริยา แซ่ลี้ อายุ 57 ปี อาชีพค้าขาย จาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ทราบข่าวบนรถไฟระหว่างเดินทางมา กทม.เพื่อทำธุระ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมา รพ.ศิริราชทันที โดยมารอที่ รพ.ตั้งแต่ตี 5 โดยส่วนตัวติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์มาโดยตลอด และติดตามพระอาการประชวรอย่างใกล้ชิด รู้สึกเสียใจและเสียดายเพราะประเทศไทยได้ขาดบุคคลสำคัญไป
“เสียใจอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้คิดอยู่ว่าพระองค์ท่านคงหมดทุกข์ ไม่ต้องทนทรมานกับอาการประชวรอีกต่อไป และต่อจากนี้ไป อยากให้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อย่าจากประชาชนชาวไทยไปอีกเลย”
น.ส.ศศิธร คงอ้วน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (2 ม.ค.) ที่คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ มีกำหนดจัดงานเลี้ยงปีใหม่ แต่หลังจากทราบข่าวก็ประกาศยกเลิกงานทันที และเมื่อตนเลิกเรียนเมื่อประมาณ 10.00 น.ก็มาร่วมถวายความไว้อาลัยที่ รพ.ศิริราช ทันที
“รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของพระองค์เป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ท่านเป็นบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ทั้งช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและบุคคลที่ทุกข์ยาก ต่อไปจะไว้ทุกข์เพื่อถวายพระองค์ตามที่สำนักพระราชวังกำหนด”
ในเวลาประมาณ 13.00 น.บริเวณประตู 8 รพ.ศิริราช ใกล้ทางขึ้นท่าเรือวังหลัง บุรุษพยาบาลและนางพยาบาลจาก รพ.ศิริราช ได้ตั้งแถวรอรับเสด็จขบวนพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเจ้าหน้าที่เริ่มกันประชาชนให้เฝ้ารอรับเสด็จพระศพอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีประชาชนรอรับเสด็จขบวนพระศพอย่างหนาแน่น