xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 3 ปี หมอ รพ.ร่อนพิบูลย์ ผ่าไส้ติ่งตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลจังหวัดทุ่งสง พิพากษาคดีผ่าตัดไส้ติ่งตาย รพ.ร่อนพิบูลย์ หมอติดคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา แพทยสภามึนบอกผู้เสียหายให้มาร้องเรียนหมอผิดจริยธรรมใหม่ได้


วานนี้ (6 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง ซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ ร่วมกับ น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของ นางสมควร แก้วคงจันทร์ ผู้ตาย โจทก์ร่วมยื่นฟ้องในคดีอาญานพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 และพญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาล เป็นจำเลยที่ 2 เนื่องจากทำการผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควร ด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเลินเล่อ เพราะไม่เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และยาแก้ไขภาวะแทรกซ้อน ทำให้ผู้ตายหยุดหายใจ สมองขาดเลือดและออกซิเจน จนกระทั่งเสียชีวิตในวันที 5 มิ.ย.2545 ที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังคำพิพากษาเป็นจำนวนมาก

โดยนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดทุ่งสง พร้อมกับ น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของนางสมควร แก้วคงจันทร์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นโจทก์และญาติๆ โดยศาลมีคำตัดสินว่า เนื่องจากการที่จำเลยที่ 2 คือ พญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นแพทย์ผู้ฉีดยาระงับความเจ็บปวดเข้าไขสันหลังของ นางสมควร ผู้ตาย จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง ทั้งวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการแพทย์ที่ได้เรียนมา จักต้องฉีดยาเข้าไขสันหลังในจำนวนปริมาณที่เหมาะสมในระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 นพ.พีระ คงทอง ผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จ

ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอ โดยพฤติการณ์และวิชาชีพ แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 อาจกระทำได้ แต่จำเลยที่ 2 หาได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอไม่ จำเลยที่ 2 ฉีดยาชาเข้าทางไขสันหลังของนงสมควร โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้เพียงพอกับการที่จะผ่าตัดจำเลยที่ 2 ฉีดยาระงับความเจ็บปวด ในปริมาณที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ยาชาออกฤทธิ์ลุกลามไปทั้งตัวของนางสมควร จนเกิดอาการช็อก หัวใจหยุดเต้นทันที ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นไม่มีความผิดตามฟ้องดังได้วินิจฉัยมาแล้วก่อนหน้านี้จึงยกฟ้องจำเลยที่ 1 และพิพากษาให้ จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุก 3 ปี

“วันนี้หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว น้องศิริมาศ ขอศาลว่า ไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้ขังคุณหมอ ศาลท่านก็กรุณา และให้ประกันตัวหมอออกไปสู้คดี ซึ่งฝ่ายหมอมีสสจ.จังหวัดที่มีมติว่าหมอไม่ผิด สปสช.จังหวัด และเจ้าหน้าที่กระทรวงไปให้กำลังใจกันหลายคน คำพิพากษาของคดีนี้ศิริมาศจะนำไปยื่นให้ศาลฎีกาในคดีแพ่งต่อไปด้วย” นางปรียนันท์กล่าว

ขณะที่นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีการฟ้องร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมของแพทยสภามีจำนวนมาก
 
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คดีนี้ได้ดำเนินการตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของนพ.พีระ คงทอง ว่าคดีไม่มีมูล ถือว่าไม่มีความผิด แต่ไม่มั่นใจในส่วนของ พญ.สุทธิพร ซึ่งเป็นผู้กระทำการรักษาร่วมมีการพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ และมีเนื้อหาที่ร้องเรียนมาอย่างไรบ้าง ดังนั้นขณะนี้จึงได้ปรึกษาพิจารณาอยู่ว่าเป็นการร้องเรียนในครั้งเดียวกันหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากผู้เสียหายจะมาร้องเรียนต่อแพทยสภาใหม่อีกครั้งก็สามารถกระทำได้

กำลังโหลดความคิดเห็น