xs
xsm
sm
md
lg

แก้อัมพาตครึ่งซีก…ออทิสติกกับ....ทฤษฏีเซลล์กระจกเงา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคยสังเกตกันไหมว่า…เมื่อเราเห็นเพื่อนหาวแล้วทำไมถึงต้องหาวตาม มันเป็นพฤติกรรมที่แพร่หรือเป็นพฤติกรรมติดต่อ อะไรคือกลไกที่อยู่ภายใต้พฤติกรรมนี้ แม้กระทั่งเมื่อเราดูหนังแล้วร้องไห้ อินไปกับตัวละคร โดยเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น หรือแม้แต่พฤติกรรมที่เด็กชอบเลียนแบบผู้ใหญ่แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้ใหญ่ที่ทำเลียบแบบผู้ใหญ่ด้วยกันเอง

พฤติกรรมเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าในสังคมมนุษย์ มีการพยายามเลียนแบบเพื่อเหตุผลบางอย่างที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งนั่นคือที่มาของการค้นหาความจริงกับ “ทฤษฏีเซลล์กระจกเงา” ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาพฤติกรรมของเด็กๆ รวมไปถึงการแก้ไขอาการอัมพาตครึ่งซีกและบำบัดอาการออทิสติก

  • อะไรคือเซลล์กระจกเงา

    นพ.อุดม เพชรสังหาร กรรมการผู้จัดการ บ. Rakluke Human & Social lnnovation (จำกัด) บริษัทในเครือ รักลูกกรุ๊ป กล่าวว่าเมื่อไม่นานนี้ นักวิทยาศาสตร์ในอิตาลีได้ค้นพบว่า ในสมองของมนุษย์เรานั้นมีเซลล์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “Mirror Neuron” หรือ “เซลล์กระจกเงา” ซึ่งเป็นเซลล์ที่สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ของมนุษย์ เช่นการตอบสนองต่อการมองเห็น การได้ยิน การได้เห็นภาพ และการได้กลิ่น ซึ่งเซลล์กระจกเงาจะทำงานอัตโนมัติโดยไม่มีการควบคุมไปจนกว่าสมองโตเต็มที่ในช่วงอายุ 20 ปี

    การพบครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการตื่นตัวในการค้นคว้าวิจัยบทบาทของเซลล์ชนิดนี้ทั้งในแวดวงวิทยาศาสตร์ การแพทย์ จิตวิทยาและสังคมวิทยารวมทั้งส่งผลให้เกิดความรู้รุ่นใหม่ๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ การพัฒนาตนเองของมนุษย์อย่างมากมาย กระทั่งนำไปสู่ทฤษฎีที่มีชื่อว่าทฤษฎีเซลล์กระจกเงา

    ทั้งนี้ ทฤษฎีเซลล์กระจกเงาในระยะเริ่มแรกถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเรื่องการพัฒนาเด็ก เพราะสมองของเด็กนั้นมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้เด็กเห็นและทำให้เด็กเกิดการลอกเลียนแบบ นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ในการนำมาใช้ในการขัดเกลาคนในสังคม ขณะเดียวกันการพยายามที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับผู้อื่นยังมีส่วนนำมาพัฒนาควบคู่กับการเข้าถึงภาวะจิตใจของผู้อื่นอีกด้วย กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบุคลิกภาพของมนุษย์

    “ถ้าเชื่อทฤษฎีเซลล์ฯ ก็แค่ทำแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็น ก็จะทำให้เด็กสามารถลอกเลียนแบบได้”นพ.อุดมยกตัวอย่าง

  • กับการรักษาโรคอัมพาตครึ่งซีก

    อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการนำไปใช้พัฒนาเด็กแล้ว ในปัจจุบันทฤษฎีเซลล์กระจกเงายังถูกนำไปใช้ในการบำบัดรักษาโรคได้อีกด้วย เช่น อัมพาตครึ่งซีก

    ร.ศ.นพ.ภาสกร ศรีทิพย์สุโข คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งอยู่ระหว่างทำการศึกษาเซลล์กระจกเงาร่วมกับกลุ่มคณะวิจัย ให้ข้อมูลว่า ด้วยความที่เซลล์กระจกเงาเกิดจากการร่วมมือของกลุ่มเซลล์บริเวณกล้ามเนื้อลายซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ดังนั้นหากเกิดการกระทำขึ้นที่บริเวณใด เซลล์ประสาทจะตื่นตัวไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำจริง เกิดจากการเลียนแบบหรือเกิดจากการจินตนาการ

    ดังนั้น จึงมีการนำทฤษฏีเซลล์กระจกเงามาใช้ในการฟื้นฟูผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตโดยทำควบคู่ไปกับการฝึกกายภาพบำบัด ซึ่งแนวทางในการใช้ก็คือพยายามควบคุมบริเวณที่ไม่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น โดยระยะเวลาในการฟื้นฟูโรคอัมพาตพบว่าการฟื้นตัวจะมีผลดีในระยะแรก 2-3 เดือนที่เริ่มมีอาการ ถ้าหากพ้น 6 เดือนจะส่งผลให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการฟื้นฟูได้ยาก

    ทั้งนี้ จากการทดลองโดยเลือกผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 76 ปี โดยทำกับกลุ่มที่มีเซลล์เหลือและกลุ่มที่เป็นอัมพาตไม่เต็ม โดยให้ผู้ป่วยดู วีดีโอและเทป เกี่ยวกับการกระทำที่เป็นกิจวัตรประจำวันและทำการฉายซ้ำ พบผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
    “สรุปแนวคิดในการฟื้นฟูผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตโดยทฤษฎีนี้มีอยู่ว่า ในบรรดาเซลล์ที่ตายไปนั้น จะมีเซลล์ที่ดีบางส่วนหลงเหลืออยู่ และเซลล์เหล่านี้ถ้าหากมีการกระตุ้นที่ถูกวิธีจะสามารถฟื้นตัวและกลับมาใช้งานได้ ซึ่งเราพบว่า เมื่อให้ผู้ป่วยทำอะไรที่ทำอยู่แล้วทุกวันจนเคยชินน่าจะเป็นการกระทำที่น่าจะช่วยให้การฟื้นตัวดีที่สุด” นพ.ภาสกรอธิบาย

  • กับโรคออทิสติก
    นพ.จอม ชุ่มช่วย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชศรีนครินทร์ กล่าวถึงโรคออทิสติกซึมว่าเป็นความผิดปกติทางด้านพัฒนาการสังคมและการสื่อความหมายอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้ามองในแง่ของทฤษฎีเซลล์กระจกเงา ทำให้เห็นภาพชัดขึ้น กล่าวคือเนื่องจากเด็กไม่สามารถเข้าใจคนอื่นได้จึงทำให้เด็กไม่สามารถที่จะเลียนแบบหรือสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งสาเหตุที่ชัดเจนที่สุดนั้นเกิดขึ้นจากพันธุกรรม ประมาณ 37% กล่าวคือถ้าลูกคนแรกเป็นโรคออทิสติก ลูกคนที่สองมีโอกาสที่จะเป็นโรคออทิสติกเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบความบกพร่องต่อการทำงานของสมองในด้านของโครโมโซม

    สำหรับเด็กที่เป็นโรคออทิสติกซึมจะมีความบกพร่องทางการสื่อสาร ซึ่งเด็กบางคนไม่พูดหรือจะพูดช้า พูดแต่เรื่องเดิมๆ หรือเรื่องที่ตนเองสนใจโดยไม่สนใจว่าใครจะฟังหรือแม้แต่ความผิดปกติของเนื้อหาหรือรูปแบบเมื่อถามกลับไปแล้วแต่เด็กตอบกลับมาไม่ตรงประเด็น หมกมุ่นหรือสนใจแต่เรื่องเฉพาะส่วน

    ส่วนการบำบัดผู้ป่วยโรคออทิสติกจะต้องศึกษาด้านการเพิ่มศักยภาพผ่านเซลล์สมองทุกรูปแบบหรือส่งเสริมให้สมองนั้นทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นการเพิ่มทักษะทางสังคม เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนการเล่นร่วมกับผู้อื่นได้ ซึ่งทางสังคมการเลียนแบบถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ว่า จะเป็นแบบอย่างที่ดีได้มากน้อยแค่ไหนด้วย


  • กำลังโหลดความคิดเห็น